สำหรับรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง ความนิยมในรถยนต์จากค่ายดาว 5 แฉก ก่อนหน้านี้คงหนีไม่ไม่พ้นเอสแอลเค ซึ่งมีรุ่น เอเอ็มจี ไดนามิกทำตลาดอยู่ คุ้มค่ากับชุดแต่งเอเอ็มจีที่มีมาให้จากโรงงานแบบไม่ต้องแต่งเพิ่ม บางคนอาจจะบอกว่าเจ้าของรถเห็นแก่ตัว ที่ซื้อรถสปอร์ตรุ่นนี้มาใช้เพราะมีเบาะมาให้แค่ 2 ตัวเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นความชื่นชอบในความลงตัวของรถสปอร์ตเปิดประทุนคันเล็กๆแบบนี้ ซึ่งการใช้งานจริงกลับได้ความคล่องตัวกว่ารถคันใหญ่ๆ
เอสแอลเค ในโฉมนี้จะเป็นโฉมที่ 3 ในรหัส อาร์172 เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 2011 ซึ่งเมืองไทยเริ่มเปิดให้จองกันในช่วงปลายปีนั้นเอง กับรถนำเข้าในรุ่นเอสแอลเค 200 ที่มีชุดแต่งเอเอ็มจีติดตั้งมาให้พร้อมราคารถใหม่อยู่ที่ 4,399,000 บาท พอถึงรุ่นนี้ที่สามารถใช้ อี20 ได้ ราคาก็ลดลงมาเหลือ 3,490,000 บาท
มุมมองด้านหน้าดูเป็นสปอร์ตมากขึ้นกับกระจังหน้าที่ตั้งชันกว่าเดิม สาดส่องยามค่ำคืนด้วยไฟหน้าแบบซีนอน ที่มีโคมปรับลำแสงอัตโนมัติช่วยเพิ่มความสว่าง เมื่อหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถโดยโคมไฟจะส่องพื้นด้านข้างก่อนจะเริ่มเลี้ยวรถ ส่วนความสว่างของแสงไฟยังคงอยู่ในระดับกลางๆ
เป็นเบาะนั่ง ที่รวมเบาะสปอร์ตเข้ากับเบาะในรถหรู เวลานั่งลงไปจะไม่ถูกโอบกระชับมากจนเกินไปจนรู้สึกอึดอัด เบาะนั่งสามารถปรับความสูงหรือเอนเบาะได้ด้วยไฟฟ้าจากปุ่มที่ติดอยู่ข้างเบาะก็ได้กับความลงตัวดีกับเบาะนั่งสีดำเดินด้วยด้ายแดงเหมือนกับพวงมาลัยหุ้มหนังที่ใช้ด้ายแดงเช่นกัน เป็นพวงมาลัยสปอร์ต มีด้านล่างตรงก้านอลูมิเนียม มีปุ่มควบคุมติดตั้งมาให้สำหรับควบคุมโทรศัพท์และพวกเครื่องเสียงรวมถึงข้อมูลต่างๆ
แผงคอนโซลไม่ใหญ่ จึงจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง ช่องแอร์ก็จะเป็นแบบกลม มาตรวัดใช้จอกลมพื้นขาว โดยมีจอแสดงข้อมูลติดตั้งไว้ตรงกลาง
การเปิดหลังคารับลมทำได้ง่ายเพียงแต่ต้องดึงแผ่นรองหลังคาในห้องเก็บของให้เข้าที่ คราวนี้ก็เปิดหลังคาพับเก็บจากปุ่มที่ซ่อนเอาไว้ในกล่องเล็กๆ กลางเบาะที่มีฝาปิดเก็บไว้มิดชิด ใช้เวลาไม่นานก็เปิดหลังคาได้เรียบร้อยการขับรถรับลมในเมืองไทยก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวแถวๆ ภาคเหนือก็คงจะเหมาะกว่านี้ เวลาขับจะมีกระแสลมมาโดนศีรษะน้อยมาก เมื่อเลื่อนแผ่นกันลมมาใช้ สำหรับบังคับกระแสลมให้หวนกลับเข้าห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง แทนที่จะกระจายแบบสะเปะสะปะ
สำหรับพละกำลังของเครื่องยนต์ จะได้มาจากเครื่องยนต์รหัส เอ็ม271 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,796 ซีซี ใช้เสื้อสูบและฝาสูบอลูมิเนียม ฉีดน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เพิ่มกำลังด้วยเทอร์โบที่มีท่อไอเสียขนาดใหญ่ ถูกปรับบูสเอาไว้ที่ 0.85 บาร์ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 -4,600 รอบ/นาที ใช้ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่มีระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์นานขึ้น
ช่วงออกตัวช้าหน่อยเพราะมีแทร็คชั่นคอนโทรลคอยควบคุม พอได้ความเร็วสักระยะ คราวนี้ก็มาแบบทันใจ ระดับความเร็ว 200 กม.ใช้ระยะทางไม่ไกล โดยมีความเร็วสูงสุด 237 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7 วินาที รอบเครื่องยนต์ 1,800 รอบ/นาที ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. อัตราบริโภคเฉลี่ยอยู่แถวๆ 12 กม./ลิตร
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบัลติลิงค์ ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ใช้โช้คอัพไฟฟ้า มีอิเล็กทรอนิคควบคุมการทำงาน เมื่อปรับเป็นโหมดสปอร์ตจะได้ช่วงล่างที่แข็งและถูกลดความสูงลง10 มม.เพื่อการทรงตัวที่นิ่งขึ้น ระบบเบรกเป็นดิกส์เบรก 4 ล้อ ด้านหน้าขนาด 295 มม. มีรูระบายความร้อน ด้านหลังขนาด 300 มม. มีระบบ เอบีเอส, อีบีดีและ บีเอสเอมาให้พร้อม จึงมั่นใจว่าเบรกได้
ความสนุกในการบังคับควบคุมอาจจะไม่เท่า เอ็มเอ็กซ์5 แต่เรื่องความปลอดภัยเอสแอลเคมีมากกว่า การทรงตัวความเร็วสูงนิ่งดี พวงมาลัยค่อนข้างไวเมื่อใช้ความเร็วระดับกลางๆคันเร่งไฟฟ้าจะต้องใช้น้ำหนักเท้ากดมากหน่อย ยิ่งคันเร่งจมการตอบสนองก็จะรวดเร็วทันใจ เท้ากดหนักๆอาการหลังติดเบาะก็จะมีมากขึ้น ซึ่งสามารถเลือกการเปลี่ยนเกียร์เองได้เมื่อต้องการ