เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เดินหน้าต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และกลุ่มลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการทำการตลาดที่มีความหมายผ่านการเชิญชวนคนที่มี Passion for Benz มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอมมูนิตี้ “Friend with Benz” และเข้ามาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจที่มีต่อแบรนด์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 โดยมี 3 ยนตรกรรมเพื่อนใหม่จาก Mercedes-AMG มาเผยโฉมสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก นำโดย Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ พร้อมประเดิมการเปิดตัวของ MANUFAKTUR Exclusive โปรแกรมปรับแต่งรถยนต์ที่เข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าระดับ Top-End Luxury ให้สามารถร่วมออกแบบรถยนต์ของตัวเองได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย พบกันที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ หมายเลข A17 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน การสร้างความสัมพันธ์และตอกย้ำถึงจุดร่วมระหว่างแบรนด์และลูกค้าจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้เล่นอื่นในตลาด หากย้อนกลับไปในงาน Motor Show 2024 เราได้ชวนทุกคนมาหาคำตอบเบื้องหลังของผู้ที่มีชื่อเดียวกับแบรนด์ ผ่านหนังโฆษณา “The Meaning of Benz” ซึ่งทำให้ชาวไทยมีความรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ในปีนี้ เราจึงต้องการต่อยอดไปสู่สร้างคอมมูนิตี้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำให้พวกเราใกล้กันมากยิ่งขึ้น ด้วยการชวนคนที่มี Passion for Benz มาเป็น “Friend with Benz” ด้วยกันกับเรา โดยนอกจากการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ที่มี Passion เหมือนกัน มาพบเจอกันที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคนยังสามารถทำความรู้จักกับยนตรกรรมทุกรุ่นของเราที่นำมาจัดแสดงแบบครบทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะ 3 เพื่อนใหม่ในตระกูล Mercedes-AMG ที่เราเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโปรแกรม MANUFAKTUR Exclusive ที่จะเข้ามาสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการปรับแต่งรถยนต์ระดับลักชัวรีในประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ “MADE TO MEASURE” โดยเปิดให้ลูกค้าในกลุ่ม Top-End Luxury ครอบคลุมทั้งโมเดล S-Class จนไปถึงไลน์อัพระดับ Flagship ของแบรนด์ Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach รวมถึงโมเดลต้นกำเนิดของ MANUFAKTUR อย่าง G-Class ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถยนต์ของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีตัวถังเพิ่มเติมได้มากขึ้นถึง 50 แบบ และออปชันสีภายในอีกกว่า 20 แบบ รวมถึงแพ็กเกจ MANUFAKTUR optional extra ที่ให้คุณตกแต่งรถยนต์รอบคันทั้งภายในและภายนอกได้ตามที่ต้องการ โดยถ้าให้พูดถึงโปรแกรม MANUFAKTUR สำหรับ G-Class คุณจะสามารถออกแบบรถยนต์ของคุณให้มีความแตกต่างกันได้มากถึง 1 ล้านแบบ ซึ่งนั่นทำให้ G-Class ทุกคันที่อยู่บนถนนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงเจ้าของรถได้อย่างชัดเจน”และเพื่อตอกย้ำแนวคิดของแคมเปญ “Friend with Benz” ที่อยากให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้เดียวกันกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทางแบรนด์ได้นำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษอย่าง “Friend get Friend” ด้วยเงื่อนไขการรับข้อเสนอเพียงอย่างเดียวคือการชวนเพื่อนมาซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่งาน Motor Show 2025 หรือที่ตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่มีเฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
“Mercedes-AMG G 63” เพื่อนใหม่สายลุย เจ้าของตำแหน่งพี่ใหญ่แห่งเส้นทาง Off-Road มาพร้อมส่วนผสมที่ลงตัวทั้งความแข็งแกร่ง สมรรถนะที่ทรงพลัง และเอกลักษณ์เฉพาะที่เหนือกาลเวลา โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid ที่ผสานการทำงานเข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ V8 ภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” เสริมพลังการออกตัวที่เฉียบคม และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท
“Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+” เพื่อนใหม่สายสปอร์ตที่ผสานเสน่ห์ของยนตรกรรมเปิดประทุนสุดหรูรถยนต์กับความเป็นที่สุดในทุกด้านจาก Mercedes-AMG มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังในแบบฉบับ AMG ประกอบขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพียงผู้เดียว ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแบบ “One Man, One Engine” ด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo มอบพละกำลังสูงสุด 476 แรงม้าที่ 2,250-4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท
“Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+” เพื่อนใหม่สายทรงพลัง ยนตรกรรมตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์ Mercedes-AMG ครั้งนี้กลับมาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรหัสตัวถัง C192 ออกแบบภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรพร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo และติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ทำให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้สูงถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยรถรุ่นนี้ได้ถูกปรับแต่งระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมระบบอัดอากาศให้เหมาะสมตามการขับขี่ และตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยลายเซ็นของผู้ประกอบที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของ AMG วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท