เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้าสร้างความตื่นเต้นให้ตลาดรถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คช่วงปลายปี พร้อมเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ใหม่รุ่นประกอบในประเทศของ “The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic” รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวี เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น ระบบความปลอดภัยที่มากขึ้น และ “Mercedes-Benz A-Class” ยนตรกรรมขนาดคอมแพ็คสุดโฉบเฉี่ยวใหม่ โดย Mercedes-Benz A-Class ใหม่ มาพร้อมราคาเริ่มต้นเพียง 1,990,000 บาท นับว่าเป็นทางเลือกสุดเร้าใจสำหรับลูกค้ารุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์คอมแพ็คที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานในโลกยุคปัจจุบัน
มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2563 นับว่าเป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับทุกคน ยิ่งโดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ไทย ปีนี้นับว่าเป็นปีแห่งความท้าทายที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เรามองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่เรื่อง PM 2.5 เรื่อยมาจนถึงสถานการณ์โควิด-19 ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสให้เราได้ปรับตัว เปลี่ยนแปลง และลองทำอะไรใหม่ ๆ นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เราปรับกลยุทธ์ในการบริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น การดูแลเรื่องสุขอนามัยอย่างจริงจังและต่อเนื่องเมื่อลูกค้าเข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการ การนำเสนอแคมเปญ “Shine for Tomorrow” เพื่อมอบเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์กลางในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เรื่อยมาจนถึงการเปิดตัวแคมเปญ Charge to Change เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ให้ความสำคัญกับการชาร์จไฟฟ้าให้มากขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมและช่วยลดภาวะวิกฤติจาก PM 2.5”
“สำหรับการเปิดตัวรถยนต์ “The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic” และ “Mercedes-Benz A-Class” ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศในวันนี้ ถือว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยเฉพาะในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คที่มีศักยภาพการเติบโต และมีลูกค้ารุ่นใหม่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเสนอรุ่นประกอบในประเทศ ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถทำราคาที่ทั้งแข่งขันได้และดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาออปชันที่เรานำเสนอภายในรถยนต์ ภายใต้ดีไซน์ที่มีความโดดเด่น และระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบครบครันเหนือระดับเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน เรามั่นใจว่า รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้เติบโต และช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษาความเป็น แบรนด์รถยนต์ลักชัวรีอันดับ 1 ในไทยได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 อย่างแน่นอน” มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม