เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ทุ่มทุนมหาศาลเปิดประสบการณ์ลูกค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมอบโอกาสในการดื่มด่ำประสบการณ์แบบดิจิทัลและการมีส่วนร่วมในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมในฝัน ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2566ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป การเปิดประสบการณ์ใหม่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรังสรรค์อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ด้วยตนเอง และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์แบบ 3 มิติที่จะร้อยเรียงเรื่องราวของประวัติศาสตร์อันยาวนานของเบนท์ลีย์มาถ่ายทอดให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 104 ปี โดยการพัฒนาที่สำคัญในครั้งนี้เป็นการเพิ่มการลงทุนมูลค่า 2.5 พันล้านปอนด์ในการพัฒนารถยนต์ในอนาคต และโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ซึ่งมีพนักงานมากกว่า 4,000 ชีวิต
สำหรับการเปิดประสบการณ์ใหม่ในครั้งนี้ ลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์จะได้รับการต้อนรับสู่เมืองครูว์โดยผู้ดูแลส่วนบุคคล และพาชมโรงงานแบบส่วนตัวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและไอเดียในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมในฝันภายในศูนย์ความเป็นเลิศด้านพื้นผิวรถยนต์ (Excellence Centre for Vehicle Finish) ลูกค้าจะมีโอกาสได้รังสรรค์ผลงานศิลปะในแบบของตัวเอง โดยลูกค้าจะสามารถเลือกเฉดสีใหม่ล่าสุด วัสดุหนังที่ผ่านกรรมวิธีด้านความยั่งยืน การออกแบบการเดินเส้นด้าย รูปแบบวัสดุวีเนียร์ที่ดีที่สุด ฝากระโปรง พรม และสายเข็มขัดนิรภัยแบบต่างๆ พร้อมด้วยที่ปรึกษาด้านการออกแบบที่พร้อมให้คำแนะนำเพื่อให้การรังสรรค์อัครยนตรกรรมในฝันของลูกค้าตอบโจทย์ความต้องการให้ได้มากที่สุด
ในส่วนของงานไม้ ซึ่งมีวัสดุไม้ที่ยั่งยืนมากกว่า 9 รายการจากทั่วโลกจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบวีเนียร์ด้วยตัวเองเพื่อรังสรรค์ให้เข้ากับอัครยนตรกรรมในฝัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบวีเนียร์ที่สั่งทำพิเศษ อาทิ รูปแบบหิน รูปแบบคาร์บอนไฟเบอร์ และรูปแบบอะลูมิเนียม
กลยุทธ์ Beyond100 ได้ปูทางให้เบนท์ลีย์มุ่งสู่การไม่สร้างมลภาวะที่เป็นพิษให้แก่โลก หรือ Carbon Positive ภายในปี 2573 จากการรับรองสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ พร้อมกับโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน และขั้นตอนการผลิตที่ปราศจากการสร้างมลพิษทั้งระบบเพื่อการผลิตที่เป็นมาตรฐานและเพื่อการเดินทางสู่ความเป็นผู้นำด้านการผลิตอัครยนตรกรรมที่ยั่งยืน สำหรับอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า (BEV) คันแรกจะได้รับการพัฒนาและผลิตที่โรงงานในสหราชอาณาจักร ดังนั้น การเปิดประสบการณ์ลูกค้าใหม่ในครั้งนี้จึงได้ถือเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จด้านความยั่งยืนในทุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่การจัดหาวัสดุที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการปลูกพืชพันธุ์นานาชนิดและการเลี้ยงผึ้งในพื้นที่ของโรงงาน