“ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดประวัติศาสตร์ชาวไทย เริ่มต้นฤดูกาล 2024 ในศึก โมโตทู ด้วยความท้าทายหลัง “ดอร์น่าสปอร์ต” ผู้จัดการแข่งขัน ได้มีการปรับเปลี่ยนยางในคลาสนี้ที่มีคาแร็กเตอร์แตกต่างกันกับของเดิมอย่างมาก ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้นักบิดบิ๊กเนมหลายคนใน โมโตทู ที่ไม่คุ้นเคย รวมถึง “ก้อง-สมเกียรติ” ได้เจอความยากลำบากในการปรับตัวและงานเซ็ตติ้งร่วมกับทีมงาน
เกมสนามแรกที่ กาตาร์ นักบิดไทยได้ออกตัวจากกริดที่ 15 ก่อนจะได้ขึ้นมาคว้าอันดับ 11 ภายใต้การปรับแต่งรถแข่งที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งกินเวลาต่อเนื่องใน 4 สนามแรก โดย “ก้อง-สมเกียรติ” คว้าอันดับ 10 จากสนาม 2 ในโปรตุเกส จากนั้นต้องเจอปัญหาอย่างหนักในการเบรก จนพลาดแต้มครั้งแรกที่ ออสติน ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี แม้จะยังแก้ปัญหา “เซ็ตติ้ง” แต่ “ก้อง-สมเกียรติ” ก็พาตัวเองขึ้นไปอยู่ในท็อปเท็นได้อีกครั้งที่ เซอร์กิโต เอ เฮเรซ ประเทศสเปน ในสนาม 4 จากนั้นทำผลงานโชว์ฟอร์มบิดไล่แซงคู่อย่างอย่างสุดมันส์ คว้าอันดับ 5 ในสนาม 5 เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ ที่ เลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส
ขยับเข้าสู่สนาม 6 ที่ บาร์เซโลน่า นับเป็นอีกครั้งที่ “ก้อง-สมเกียรติ” โดนโชคร้ายเล่นงาน เมื่อถูกคู่แข่งชนล้มตั้งแต่โค้งแรก พลาดแต้มอย่างน่าเสียดาย ก่อนจะกลับมาคว้าแต้มได้ที่ มูเจลโล ในประเทศอิตาลี ด้วยการบิดเข้าป้ายในอันดับ 9 จากนั้น “ก้อง-สมเกียรติ” เริ่มเข้าสู่ฟอร์มที่ร้อนแรง ด้วยการทุบสถิติเวลาต่อรอบตลอดกาลที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 35.341 วินาที แม้จะมีข้อผิดพลาดในรอบควอลิฟายจนต้องออกตัวจากกริดที่ 17 ทว่าในสนามนี้เอง นักบิดชาวไทยแสดงให้เห็นถึงความเร็วระดับโลก เขาไล่แซงแข่งถึง 12 คัน ขยับขึ้นมาคว้าอันดับ 5 ได้อย่างน่าประทับใจ
โดยสนามล่าสุดก่อนพักครึ่งฤดูกาล “ก้อง-สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทุบสถิติเวลาต่อรอบอีกครั้ง ในสนามสุดหินอย่าง ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 22.698 วินาที ความเร็วของเขาถูกจับตามองอย่างมากจากทุกทีม ขณะที่ยังคงเจอปัญหาในรอบควอลิฟายเช่นเคย และจะได้เริ่มเกมในกริดที่ 17 ซึ่งถือว่ายากมากต่อการเก็บคะแนนสะสม การเดินหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ “ก้อง-สมเกียรติ” พารถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 แซงคู่แข่งมากถึง 11 คัน บิดเข้าป้ายในอันดับ 6 อย่างสุดมันส์ แถมมีลุ้นโพเดียมอย่างเฉียดฉิว โดยหลังผ่าน 9 สนามแรก เก็บไปได้ทั้งสิ้น 56 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 บนตารางคะแนนสะสม ขณะที่เหลือการแข่งขันในฤดูกาลนี้อีกทั้งสิ้น 11 สนาม
ท่ามกลางอุปสรรค ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ทำผลงาน การไล่แซงคู่แข่งจำนวนนับสิบ และการทุบสถิติในฤดูกาลนี้เป็นว่าเล่นจึงถือเป็นสัญญาณที่ยอดเยี่ยม พิสูจน์ให้เห็นว่า “ก้อง-สมเกียรติ” คือ นักบิดประวัติศาสตร์กับความเร็วระดับโลกของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย โดยในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง สนามจะเข้าทางกับสไตล์การบิดของเจ้าตัว รวมถึงที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าตัวได้คว้าชัยชนะมาครองแบบหมดจรดด้วยสถิติมากมาย และยังมีโฮมเรซในประเทศไทย ที่แฟนๆ ชาวไทยรอให้กำลังใจเชียร์กันอย่างล้นหลาม