บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ซึ่งเป็นผู้นำด้านขนส่งสินค้าเคมี ปิโตรเคมี และวัตถุอันตรายที่เน้นความปลอดภัยสูง คว้าสัญญางานจาก AGC Vinythaiในโครงการขนส่งวัตถุดิบ chloralkaliซึ่งเป็นสารตั้งต้นของสายการผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกและเคมีภัณฑ์ มูลค่ากว่า 480 ล้านบาท ระยะสัญญาเวลา 3 ปี เพื่อรองรับแผนงานธุรกิจ โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ วางเป้าเพิ่มรถบรรทุกอีก 20 คัน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ให้บริการขนส่งทั้งสิ้นกว่า 400 คัน ในฟลีทปัจจุบัน และเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการรับมอบรถหัวลากยูดี เควสเตอร์ ไปพร้อมกันแล้วจำนวน 12 คัน
นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง เปิดเผยว่าโครงการสั่งซื้อรถหัวลากยูดี เควสเตอร์ จำนวน 12 คันนี้ บริษัทฯ ได้ทำการรับมอบรถเป็นที่เรียบร้อยและได้นำรถเข้าเสริมกำลังฟลีทรถที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 400 คัน ทั้งประเภทรถหัวลาก และรถบรรทุก โดยรถใหม่ทั้ง 12 คันนี้ได้เริ่มปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อย โดยขนเกลือบริสุทธิ์จากบ่อเกลือที่จังหวัดนครราชสีมา ไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นอกจากระบบขนส่งทางถนนแล้ว ในโครงการนี้ยังเสริมระบบขนส่งด้วยระบบราง คือขนส่งด้วยรถไฟจำนวนกว่า 400 ตู้ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 ปี รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 480 ล้านบาทสาเหตุหลักที่เราใช้รถยูดี เควสเตอร์ สำหรับโครงการนี้ก็คือเทคโนโลยีของรถรุ่นนี้ที่เน้นสมรรถนะสูงตามมาตรฐานสากลในราคาที่จับต้องได้ โดยเฉพาะเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escotที่ทำให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถตอบโจทย์ในด้านความปลอดภัยซึ่งเราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
ส่วนการดำเนินงานในโครงการนี้ เราได้บริหารจัดการด้วยการผสมผสานระบบขนส่งทางถนนควบคู่กับระบบราง ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ไม่พึ่งพาระบบเดียว และที่สำคัญคือเราได้มองเห็นอนาคตของการขนส่งระบบรางที่จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคต เราจึงขยายการให้บริการลูกค้าด้วยระบบขนส่งทางรางอีกด้วย”
นายเมฆ กล่าวเพิ่มเติมว่าแผนการขยายงานในปีนี้ KIAT มีแผนจะสั่งซื้อรถบรรทุกเพิ่มเติมอีก 20 คันภายในปีนี้เพื่อทดแทนรถที่พ้นระยะการใช้งานของบริษัทฯ ซึ่งไม่รวมถึงงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอีก 2 โครงการ หาก KIAT ชนะการประมูล จะต้องมีการสั่งซื้อรถบรรทุกเพิ่มอีก 20 คันต่อโครงการนอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำรถบรรทุก EV เข้ามาให้บริการลูกค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเป็นผลจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมระบบขนส่งด้วยพลังงานสะอาด อีกทั้งกลุ่มลูกค้ามีความกระตือรือร้นในการใช้ระบบขนส่งด้วยพลังงานทางเลือกที่รักษาสิ่งแวดล้อมตามระเบียบใหม่ของโลกธุรกิจการค้าที่สามารถนำกิจกรรมเหล่านี้ไปคำนวณเป็น Carbon Credit ได้ ซึ่งรวมไปถึงระบบรางที่สามารถนำมาคำนวณเป็น Carbon Credit ได้ด้วยเช่นกัน
นายเมฆ กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จของอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจของ KIAT ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการติดตั้ง Guardian System ระบบเทคโนโลยีป้องกันการหลับในและการละสายตาขณะขับขี่ ว่าขณะนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยล่าสุด ได้รับคำสั่งซื้อจาก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จากเดิมที่ใช้ระบบนี้ในกองรถขนส่งของ โออาร์ จำนวน 300 คัน ไปเป็น 1,500 คัน ทั้งนี้เพราะธุรกิจขนส่งของ โออาร์ เน้นในเรื่องการลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากพนักงานขับรถ โดยระบบนี้สามารถลดอัตราเสี่ยงอันเกิดจากความไม่พร้อมของพนักงานขับรถได้สูงมาก และด้วยการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจนี้จะสามารถเติบโตและช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายภาพรวมของ KIAT ได้อย่างแน่นอน