ฮอนด้า โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผนึกกำลังต่อเนื่อง จัดเต็มไลน์อัปผลิตภัณฑ์ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ (Power Products) ในงาน Motor Show 2025 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทย ที่พร้อมสร้างความสุขและขับเคลื่อนการใช้ชีวิตอย่างอิสระในหลากหลายรูปแบบผ่านผลิตภัณฑ์และบริการ ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์ได้ที่บูทฮอนด้า (A26) งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 (The 46th Bangkok International Motor Show) อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 พร้อมด้วยหลากหลายข้อเสนอพิเศษในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ฮอนด้า ทั้งภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การผนึกกำลังอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทฮอนด้าประเทศไทยในปีนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ที่ส่งมอบความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนผ่านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจและการสนับสนุนฮอนด้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนทำให้เราบรรลุความสำเร็จในการผลิตรถยนต์นั่งครบ 4 ล้านคันในประเทศไทย ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของฮอนด้า อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะเติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน เพื่อต่อยอดความสำเร็จในครั้งนี้ไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ในปีนี้เราจะยกระดับการนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ พร้อมเดินหน้าในการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ภายใต้แนวคิด “Where The Drive Means More ฮอนด้า ขับเคลื่อนชีวิต…ไปให้สุดในแบบที่เป็นคุณ” เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่า รถยนต์ของเราเป็นมากกว่ายานพาหนะ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่วางใจได้ ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ เพื่อมอบความสุขในทุกการเดินทางและทุกช่วงเวลาของชีวิต ขอให้ทุกท่านติดตามทิศทางการเปลี่ยนแปลงของฮอนด้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปด้วยกัน”
โดยไฮไลต์ของบูทฮอนด้าในปีนี้ ประกอบด้วยHonda City Hatchback DRIVAL ซิตี้คาร์ 5 ประตูสไตล์สปอร์ตแฮทช์แบ็กสุดเท่ รุ่นพิเศษ เปิดให้จองและจำหน่ายในราคา 829,000 บาท มาพร้อมสีภายนอก สีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมหลังคาสีดำ (ทูโทน) และมีให้เลือกในรุ่นย่อย e:HEV RS จำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น! มาพร้อม 2 ข้อเสนอพิเศษ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 – 7 เมษายน 2568 และรับรถตั้งแต่ 24 มีนาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568
ทางเลือกที่ 1: ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น 8,108 บาท (คำนวณจากรถยนต์ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไดรฟ์วัล ใหม่ เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 7 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ทางเลือกที่ 2: ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 2.2% สำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว (Honda Loyalty) และดอกเบี้ย 2.35% สำหรับลูกค้าทั่วไป พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
และข้อเสนอพิเศษรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (Honda Happy Trade-in) เมื่อนำรถยนต์ฮอนด้ามาขายและออกรถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไดรฟ์วัล ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท หรือเมื่อนำรถยนต์คันเดิมยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไดรฟ์วัล ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 – 7 เมษายน 2568 และรับรถตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 – 30 เมษายน 2568
Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้า ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปยนตรกรรม xEV ของฮอนด้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดให้จองและจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าทั่วไปได้เป็นเจ้าของ ในราคา 1,199,000 บาท สำหรับสีดำคริสตัล (มุก) และสำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) ในราคา 1,203,000 บาท สัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่างเชื่อมั่น ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งระบบ 8 ปี หรือ 160,000 กม.* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมรับข้อเสนอเมื่อจองตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 – 7 เมษายน 2568 และรับรถตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 –
31 กรกฎาคม 2568 รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (ส่วนลดดอกเบี้ย 0.3%) สำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว (Honda Loyalty) สำหรับลูกค้าทั่วไปรับดอกเบี้ย 1.99% พร้อมรับฟรี ประกันภัย 1 ปี ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง และสายชาร์จแบบพกพา ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง
เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ 140,000 กม.(อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และรับเพิ่มแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ ตามตารางการบำรุงรักษาที่ระบุไว้ในสมุดรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)