ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (AutomobiliPininfarina) ยกย่องความสำเร็จของตำนานนักแข่งฟอร์มูลาวันด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าไฮเปอร์จีทีรุ่นใหม่ แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา (Battista Edizione Nino Farina)
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา จะเปิดให้ยลโฉมครั้งแรกในงานกู๊ดวูด เฟสติวัลออฟ สปีด (Goodwood Festival of Speed) พร้อมร่วมทดสอบโดยนิค ไฮด์เฟลด์ (Nick Heidfeld) นักแข่งระดับตำนานและอดีตแชมป์แข่งรถทางลาดรายการกู๊ดวูด ทั้งนี้ นิค หรือที่รู้จักในฉายา ‘ควิก นิค’ (Quick Nick) มีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษาของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของแบตติสตาจนถึงในปัจจุบัน
ภายหลังจากความสำเร็จของรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดก่อนหน้าอย่างแบตติสตา แอนนิเวอซาริโอ (Battista Anniversario) โมเดลรุ่นล่าสุดอย่างแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ได้นำเสนอเรื่องราวอันน่าประทับใจของตำนานนักแข่งรถฟอร์มูลาวันอย่างนิโน่ ฟารินา (Nino Farina) แชมป์ฟอร์มูลาวันคนแรกโลก และหลานชายของสุดยอดนักออกแบบอย่างแบตติสตา ‘ปินิน’ ฟารินา (Battista ‘Pinin’ Farina) โดยจะเปิดตัวใกล้กับสนามแข่งก๊ดวูด เซอร์กิต (Goodwood Circuit) ซึ่งเป็นสนามแข่งที่นิโน่คว้าชัยชนะในปี 2494 ในรายการก๊ดวูด โทรฟี (Goodwood Trophy) (นอกเหนือจากรายการชิงแชมป์ฟอร์มูลาวัน)แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ผลิตเพียงจำนวน 5 คันทั่วโลก มาพร้อมการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่ยกย่องตำนานนักแข่งจากเมืองโตริโนอย่างนิโน่ ฟารินา โดยรถยนต์แต่ละคันจะเล่าถึงหนึ่งในห้าช่วงเวลาสำคัญของนิโน่ ทำให้มั่นใจได้ว่านักสะสมจะได้เป็นเจ้าของผลงานการออกแบบชิ้นเอกของอิตาลีที่ไม่ซ้ำใคร
การออกแบบที่ไม่ซ้ำใครของแบตติสตาผสานรวมความสมดุลเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์แบบ รายละเอียดสุดประณีตของปินินฟารินาในอดีต และการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกแห่งตระกูล ทั้งหมดนี้ถูกยกระดับอีกครั้งสำหรับโมเดลรุ่นแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินาการออกแบบตัวถังภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ในสีรอซโซ่ นิโน่ ซึ่งเป็นสีแดงเข้มเดียวกันกับสีของรถที่นิโน่ใช้คว้าแชมป์ตลอดอาชีพการแข่งรถของเขา ยังเข้ากันได้อย่างไร้ที่ติกับตัวถังด้านล่างที่มาในสีเบียงโก เซสตริเอเร (Bianco Sestriere) และสีไอโกนิกา บลู (Iconica Blu)ความประณีตของสีเบียงโก เซสตริเอเร และสีไอโกนิกา บลู ยังครอบคลุมแถบหมุดสั่งทำพิเศษบนกระจกมองข้างและด้านล่างของปีกหลัง มาพร้อมกราฟิกพิเศษรูปพวงมาลัยสวมศีรษะและหมายเลข ’01’ ในสีเบียงโก เซสตริเอเร ที่โดดบริเวณแผงด้านของหลังประตูตัวโครงภายนอกยังประกอบด้วยฟูริโอซา แพ็ก (Furiosa Pack) ครอบคลุมตัวสปลิตเตอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์โฉมใหม่ กาบข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ตกแต่งด้วยแถบหมุดสีเบียงโก เซสตริเอเร ขณะที่คาร์บอน แอ็กเซ็นท์ แพ็ก (Carbon Accent Pack) ตกแต่งด้วยสีดำคาร์บอนอันเป็นเอกลักษณ์
ตัวหลังคาก็อกเชีย (Goccia) สีเข้มมาพร้อมจิวรีแพ็ก (Jewelly Pack) เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ควบคู่กับคาลิปเปอร์เบรกสีดำและวงแหวนล็อคตรงกลางที่เคลือบด้วยอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ และตัวล้ออัลลอยกลอริโอโซ (Glorioso) อะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแบบ 10 ก้านผิวเคลือบสีซาตินโกลด์ (Satin Gold) สะดุดตารายละเอียดภายนอกเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นนิโน่ ฟารินา ทั่วทั้งตัวรถ นอกจากนี้ยังมีรอยสลักชื่อนิโน่ ฟารินา บนชุดไฟหน้าที่เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ขณะที่ปีกข้างคาร์บอนด้านคนขับได้รับการเสริมด้วยลายเซ็นกราฟิกของนิโน่ ฟาริน่า เช่นกัน
การตกแต่งภายในสุดพิเศษเพื่อประสบการณ์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่เหนือจินตนาการ
การตกแต่งภายในของแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา มาในธีมทูโทนแบบพิเศษ โดยเบาะนั่งคนขับนั้นบุด้วยหนังสีดำเพื่มความหรูหรา ขณะที่เบาะนั่งผู้โดยบุด้วยหนังสีเบจและสีดำอัลคันทาราที่ตัดกันอย่างลงตัวตัวเบาะนั่งไพโลตา (Pilota) ดีไซน์ไม่ซ้ำใครระหว่างคนขับและผู้โดยสารมีการปักชื่อของนิโน่ ฟาริโน บริเวณพนักพิงหลัง ที่นั่งคนขับสีดำมีปักรูปพวงมาลัยสวมศีรษะและตัวเลขกราฟิก ’01’ สีทอง ในขณะที่โลโก้ปินินฟารินาถูกตกแต่งด้วยสีแดงบนเบาะผู้โดยสารสีเบจ ด้านหลังของเบาะนั่งทั้ง 2 ข้างทาสีรอซโซ่ นิโน่ ที่เข้ากันกับตัวรถภายนอกเช่นเดียวกับส่วนนอกของรถ ตัวเบาะที่นั่งมาพร้อมเข็มขัดนิรภัยสีไอโกนิกา บลู พร้อมตะเข็บดูโอโทนสีเบจสลับแดงบริเวณหน้าปัดและที่นั่ง ส่วนพวงมาลัยหุ้มด้วยวัสดุสีดำอัลคันทาราแบบคาร์บอน พร้อมวงแหวน 12 นาฬิกาอะลูมิเนียมขัดเงาชุบสีแดงที่ตัดกันอย่างลงตัว ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ยังครอบคลุมแผ่นพวงมาลัย ทำจากอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำพร้อมลายเซ็นนิโน่ ฟารินา นอกจากนี้ยังมีจิวรีแพ็กอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำอีกด้วย
ห้องโดยสารที่สวยงามของแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ยังประกอบด้วยโครงสีดำที่สื่อถึงความเป็นนิโน่ ฟารินา ขณะที่แผ่นประตูผู้โดยสารในแต่ละคันนั้นจะแตกต่างกันออกไป
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังล้ำสมัยเช่นเดียวกับแบตติสตาและแบตติสตา แอนนิเวอซาริโอ โดยมอบสมรรถนะสูงสุด รถไฮเปอร์จีทีไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของโลกนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนความจุสูง 120 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่บรรจุอยู่ภายในกล่องคาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแรงน้ำหนักเบามอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่ทำงานแยกกันสี่ตัวสำหรับแต่ละล้อ ผสานกับเทคโนโลยีควบคุมแรงบิด (Full Torque Vectoring) ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Control) และระบบซอฟต์แวร์ชุดเฟืองท้าย ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งการส่งกำลังและควบคุมการตอบสนองได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ชุดแบตเตอรี่รูปตัว T แบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ก็ติดตั้งอยู่หลังเบาะเพื่อให้แน่ใจว่าตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเทคโนโลยีการควบคุมการออกตัวที่ไม่เหมือนใครของแบตติสตา ช่วยให้รถฟอร์มูลาวันมีอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.79 วินาที, 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 1.86 วินาที, 0-120 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 4.49 วินาที และ 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.75 วินาที นอกจากนี้ การทดสอบอย่างเป็นทางการยังพิสูจน์แล้วว่า แบตติสตาเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่เบรกได้เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถลดความเร็วจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได่ในระยะทางเพียง 31 ม.สมรรถนะเด่นของแบตติสตา1,900 แรงม้า (1,400 กิโลวัตต์)แรงบิด 2,340 Nm0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 1.86 วินาที และความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (217 ไมล์ต่อชั่วโมง)ระยะการขับขี่สูงสุด 476 กม. (296 ไมล์ ตามมาตรฐาน WLTP) และ 300 ไมล์ ตามเกณฑ์ US EPAแบตติสตาผสานสมรรถนะของไฮเปอร์คาร์เข้ากับระยะการแล่นและห้องโดยสารที่หรูหราของรถจีทีแบบดั้งเดิม มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบออลวีล และโหมดการขับขี่ 5 โหมดพร้อมรองรับทุกการขับขี่ ได้แก่ คาลมา (Calma), พูรา (Pura), เอเนอร์จิกา (Energica), ฟูริโอซา (Furiosa) และคารัตเตเร (Carattere)