หากกล่าวถึงชื่อของ “กลุ่มสิทธิผล” (The Sittipol Group) ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้เป็นแน่ เพราะกลุ่มสิทธิผล หรือ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด นับเป็นอาณาจักรธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์รายใหญ่อันดับต้นของประเทศ ภายใต้การผนึกกำลังของสี่พี่น้องเจเนอเรชั่นที่ 3 แห่งตระกูลลี้อิสสระนุกูล นำทัพโดยหัวหอกคนสำคัญอย่าง ทนง ลี้อิสสระนุกูล ในฐานะกรรมการผู้จัดการ ร่วมด้วย พิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล, อภิชาต ลี้อิสสระนุกูล และ พรทิพย์ เศรษฐีวรรณ ที่ต่างมุ่งมั่นบริหารธุรกิจในเครือด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มสิทธิผลเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและอยู่คู่ประเทศไทยมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ
ทั้งนี้หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กลุ่มสิทธิผลประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้ คงต้องยกให้นโยบายการดำเนินธุรกิจแบบ “คุณภาพคู่คุณธรรม” กล่าวคือ ค้าขายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตพร้อมสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปรัชญาที่เหล่าลูกหลานต่างยึดมั่นและได้รับการปลูกฝังมากว่า 100 ปี จากคำสอนของคุณปู่ กนก ลี้อิสสระนุกูล ที่ว่า “ทำการค้าต้องยึดหลักคุณภาพคู่คุณธรรม อาศัยแผ่นดินอยู่ต้องอย่าลืมตอบแทนคุณแผ่นดิน” โดยปัจจุบันกลุ่มสิทธิผลดำเนินกิจการครอบคลุมในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มยาง โดย บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์มาตรฐานสูงระดับโลก ภายใต้แบรนด์ “ไออาร์ซี” (IRC), กลุ่มอุปกรณ์ส่องสว่างและชิ้นงานพลาสติก บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน), กลุ่มเหล็ก บริษัท ไดโด สิทธิผล จำกัด ผู้ผลิตโซ่จักรยานยนต์แบรนด์ “ดี.ไอ.ดี” (D.I.D), กลุ่มพลังงาน บริษัท โททาล ออยล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายน้ำมันเครื่องระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศส “โททาล” และ “เอลฟ์”, กลุ่มวาล์วและชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัท แปซิฟิค อินดัสตรีย์ส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายวาล์วสำหรับยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มการตลาด, Holding Company, กลุ่มวิจัยและพัฒนา รวมทั้ง กลุ่มสิทธิผล วีแคร์ ที่ ‘ทนง’ ตั้งใจก่อตั้งขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและให้ความสำคัญกับสังคมในด้านต่างๆ ภายใต้สโลแกน “มุ่งคืนกำไร สู่สังคมโดยตรง”
‘ทนง’ กล่าวว่า “ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด สามารถทำยอดขายเฉพาะในตลาด Replacement ได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งมา สืบเนื่องมาจากเหตุผลหลักที่ลูกค้าของเราโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Food Delivery เป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่าเดิม ซึ่งนับเป็นความโชคดีที่ธุรกิจเราสามารถไปได้กับยุคนิวนอร์มอลอย่างลงตัว อีกทั้งอย่างไรก็ตามทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้พาหนะอยู่แล้ว และผมมองว่ามอเตอร์ไซค์คือพาหนะสุดท้ายที่คนจะเลิกใช้”
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี อีกทั้งด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของผู้นำ จึงเป็นที่มาของการเปิดอาณาจักรใหม่แห่งกลุ่มสิทธิผล โดยหมายมั่นปั้นมือให้เป็นศูนย์รวมของทุกธุรกิจในเครือ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจใหม่อย่างถนนพระราม 3 ด้วยอาคารสูง 22 ชั้น บนพื้นที่เพียง 388 ตารางวา ทั้งนี้ล้วนเกิดมาจากไอเดียที่ ‘ทนง’ อยากได้อาคารที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก เพื่อเอื้อต่อการดูแลบำรุงรักษาได้ง่าย โดยได้สถาปนิกชื่อดังอย่าง อนุสรณ์ ภักดิ์สุขเจริญ มาช่วยออกแบบได้ตอบโจทย์และตรงความต้องการที่อยากใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้การก่อสร้างของบริษัทชั้นนำ Thai Takenaka International ซึ่งอาคารแห่งนี้ยังมาพร้อมกับความพิเศษอันล้ำสมัยของที่จอดรถอัตโนมัติโดย IHI Parking System ที่โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะตามแบบฉบับญี่ปุ่นขนานแท้อีกด้วย
“ถึงแม้ตึกใหม่นี้จะสร้างเสร็จในช่วงโควิดพอดี แต่ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีและถูกจังหวะ ที่เราได้ขยับขยายเข้ามาสู่ออฟฟิศใหม่ที่มีมาตรฐานสูงและดีไซน์มาในแบบ Eco-friendly ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องความสะอาด, ความปลอดภัย และ Social Distancing ได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่านับต่อจากนี้เราได้วางรากฐานของครอบครัวกลุ่มสิทธิผลไว้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากพอที่จะเติบโตไปได้อีกใน 10 ปีข้างหน้าแล้ว” ทนง กล่าวทิ้งท้าย