คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE: Thammasat School of Engineering) จุดประกายไอเดีย พัฒนา “แขนกลไบค์เลน” นวัตกรรมแขนกลอัจฉริยะที่ช่วยคัดกรอง และกีดขวางรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนเลนจักรยาน หนุนสายปั่นจักรยานสัญจรคล่องตัว-ปลอดภัย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ในอนาคตเตรียมวางแผนจำหน่ายเชิงพาณิชย์ 3.5 หมื่นบาท ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าว สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ บนเวทีประกวดนวัตกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 10” (The 10th Motor Expo Automotive Innovation Award 2019)
นายสุริยา สารธิมา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ตัวแทนทีม กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาภาครัฐมีการผลักดัน “เมืองจักรยาน” ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ด้วยการสร้างเลนจักรยาน เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้อย่างปลอดภัย-ได้สุขภาพ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ โดยมีป้ายสัญลักษณ์หรือข้อความที่สื่อถึง เลนจักรยาน อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้กลับพบข้อจำกัดจำนวนมาก ทั้งการขับขี่ทับเลน การจอดกีดขวางเส้นทางจักรยาน ซึ่งล้วนแต่อาจจะก่อเกิดให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่จักรยานได้ ดังนั้น ทีมวิจัยและคณะ จึงพัฒนา “แขนกลไบค์เลน” นวัตกรรมแขนกลอัจฉริยะที่ช่วยคัดกรอง และกีดขวางรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่บนเลนจักรยาน หนุนสายปั่นจักรยานสัญจรคล่องตัว-ปลอดภัย ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ โดยมี รศ.ดร.ดุลยโชติ ชลศึกษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล เป็นที่ปรึกษา
นวัตกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
- ระบบแยกแยะพาหนะด้วยปัญญาประดิษฐ์ เป็นระบบตรวจจับ และแยกแยะลักษณะของยานพาหนะที่มองเห็นได้ในระยะ 4 เมตร โดยใช้กล้องเว็บแคม (WebCam) ส่งสัญญาณภาพไปยังโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานบนสมองกลขนาดเล็ก ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกฝึกด้วยการป้อนภาพของจักรยานยนต์และจักรยานจำนวนมากเข้าไปจนโปรแกรมเรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่าง จากนั้นสมองกลจะสั่งการเปิด-ปิดเส้นทางไปยังเมนบอร์ดของระบบแขนกล
- แขนกลอัจฉริยะ ทำหน้าที่รับสัญญาณจากเมนบอร์ด ซึ่งในสภาวะปกติแขนกลจะปิดเส้นทาง กรณีตรวจพบจักรยานยนต์ฝ่าฝืน แขนกลจะไม่เปิดเส้นทางขับขี่ แต่ในกรณีที่ระบบตรวจพบเป็นจักรยาน แขนกลจะเปิดเส้นทางให้ใน 5 วินาที อย่างไรก็ดี ทางทีมวิจัยได้ออกแบบให้แขนกลอัจฉริยะมีขนาด 1.5 เมตร และสามารถพับเก็บได้ภายในตู้แขนกล เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานบางพื้นที่ที่มีหลังคาเตี้ย
ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวมีต้นทุนในการพัฒนาราว 2 หมื่นบาท และในอนาคตกรณีที่การทำงานในส่วนต่าง ๆ มีความเสถียรยิ่งขึ้น เตรียมวางแผนจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในราคา 3.5 หมื่นบาท โดยที่ล่าสุด นวัตกรรมดังกล่าว ได้รับ “รางวัลชนะเลิศ” บนเวทีประกวดนวัตกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 10” (The 10th Motor Expo Automotive Innovation Award 2019) เมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมด้วยเพื่อนนักศึกษาภาควิศวกรรมเครื่องกล ในรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 “ยานพาหนะปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางสายตา” และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 “รถเข็นไฟฟ้าสำหรับผู้พิการทางสมองและกล้ามเนื้ออ่อนแรง” นายสุริยา กล่าวสรุป