เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ หรือ GWM ประกาศว่า บริษัทมีรายได้รวมในปี 2564 มากกว่า 1.363 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 31.95% เมื่อเทียบรายปี และมีกำไรสุทธิสูงถึง 6.781 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.45% เมื่อเทียบรายปี นับว่า GWM เดินหน้าขยายส่วนแบ่งตลาดอย่างไม่หยุดยั้ง
ในปี 2564 GWM มียอดขายรถใหม่ 1.28 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบรายปี โดยมียอดขายทั่วโลกเกิน 1 ล้านคันเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันและทำสถิติใหม่ ในปี 2564 GWM ได้เปิดตัวรถยนต์หลากหลายรุ่นทั่วโลก รวมถึงรถกระบะ GWM POER, รถเอสยูวี HAVAL H6 เจน 3 และ HAVAL JOLION เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าทุกประเภท และสนับสนุนการเติบโตของรายได้ต่อไป
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ GWM มีรายได้เติบโตขึ้น ในเดือนมกราคม 2565 GWM ได้รับโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโรงงานอิเรซมาโพลิส (Iracemapolis) ในบราซิลเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นได้เริ่มเปลี่ยนแปลงและอัปเกรดโรงงานด้วยระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะ โดยวางกลยุทธ์ให้บราซิลเป็นศูนย์กลางของตลาดอเมริกาใต้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ GWM ได้เปิดสาขาย่อยในเมืองมิวนิกของเยอรมนีและตั้งสำนักงานใหญ่ประจำยุโรป เพื่อเร่งดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจในยุโรป ทั้งนี้ ด้วยการพัฒนาเชิงรุกในตลาดเอเชียใต้ อเมริกาใต้ ยุโรป และแอฟริกาเหนือ GWM ได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่ของการขยายธุรกิจในระดับสากล
ขณะเดียวกัน การลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีก็เป็นอีกปัจจัยหลักที่เอื้อต่อการเติบโตของรายได้ โดย GWM ได้ลงทุน 2 หมื่นล้านหยวนในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ได้แก่ L.E.M.O.N., TANK และ Coffee Intelligence ซึ่งนำไปใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น เช่น HAVAL Shenshou (สำหรับตลาดจีน), WEY Latte DHT (สำหรับตลาดจีน) และ HAVAL DARGO สำหรับทั่วโลก ทั้งนี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์ปี 2568 หรือ “2025 Strategy” การลงทุนทั้งหมดในด้านการวิจัยและพัฒนาจะสูงถึง 1 แสนล้านหยวนตลอด 5 ปีข้างหน้า เพื่อยกระดับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและระบบอัจฉริยะ
ปัจจุบัน GWM ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาหลายแห่งในต่างประเทศ ทั้งในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย ออสเตรีย และเกาหลีใต้ พร้อมกับดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลกให้มาร่วมกันสร้างระบบการวิจัยและพัฒนาระดับสากล เพื่อเร่งเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก