กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน แถลงนับถอยหลังและเปิดตัวโทรฟี่ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์2023” หรือถ้วยโมโตจีพี สนามประเทศไทย เลอค่า อร่ามตาด้วยธีมสีทองสุดอิลิแกนซ์ แรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน ของปราสาทหิน “พนมรุ้ง” ผสานให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างลงตัว พร้อมเผยยุทธศาสตร์ความร่วมมือแบบบูรณาการเน้นการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน รองรับผู้ชมในสนามหลายแสนคน ถ่ายทอดสดความยิ่งใหญ่ 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน จารึกประวัติศาสตร์โมโตจีพีที่ดีที่สุด และน่าประทับใจที่สุดแก่แฟนความเร็วทั่วโลกอีกครั้ง
นายณณัฏฐ์หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์, บริษัท ทศภาค จำกัด โดยเครื่องดื่มตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด รวมทั้งสื่อมวลชน อินฟลูเอนเซอร์และผู้สนับสนุนร่วมงานมากมายภายในงานมีพิธีนับถอยหลัง 15 วันสู่การแข่งขันโมโตจีพี รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์2023” ท่ามกลางการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและทั่วโลก กับการเป็นเจ้าภาพปีที่ 4 พร้อมเปิดตัว โทรฟี่ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์2023” หรือ “ถ้วยรางวัลโมโตจีพี สนามประเทศไทย” เลอค่า อร่ามตาด้วยธีมสีทองสุดอิลิแกนซ์ ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ “พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน” ของปราสาทหิน “พนมรุ้ง” จังหวัดบุรีรัมย์ โดยแสงที่ลอดมาเป็นสีทองและภาพจำ ในความ Unseen และสถาปัตยกรรมฝีมือช่างโบราณที่คนทั่วโลก ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต ผสานให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างลงตัว