อาวดี้ วางอนาคตในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายไม่ได้เพียงแค่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะต้องเป็นรถยนต์ที่มี DNA ของอาวดี้ สะท้อนปรัชญา Vorsprung Durch Technik ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่นำเสนอให้เห็นความสามารถทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังลึกซึ้งถึงเรื่องการออกแบบรถยนต์ ตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงภายในที่สอดคล้องไปกับการใช้งานได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย สมรรถนะทรงพลัง ดีไซน์สปอร์ต ที่สำคัญเป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบและพร้อมตอบสนองทุกการใช้งาน
Skysphere รุ่นที่ 1 ของรถต้นแบบในตระกูล Sphere สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้า 2 ที่นั่ง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Horch 853 ในยุค 1930 ดีไซน์หรูล้ำสมัย จุดเด่นอยู่ที่ฐานล้อ ซึ่งสามารถยืดเข้าออกได้สูงสุด 250 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปรับช่วงล่างขึ้น-ลงได้สูงสุด 10 มิลลิเมตร เพื่อเลือกระหว่างความสบายในการโดยสารหรือเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ มาพร้อมกับฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติ “Experience Devices” มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด632 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 4 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 80 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Grandsphere รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าในตระกูล Sphere ที่มาในขนาดของ Luxury Premium Sedan อย่าง A8 ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ประตู ทรงยาวเป็นพิเศษ ดีไซน์สุดล้ำ สวยหรู โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Singleframe อันเป็นเอกลักษณ์ของอาวดี้ มาพร้อมความสะดวกสบายและครบครันด้วยฟังก์ชัน เริ่มตั้งแต่คอนโซลไร้ปุ่มกด มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่แสดงผลผ่านหน้าจอ MMI รับคำสั่งด้วยการวาดมือในอากาศหรือการขยับตัว พร้อมระบบกล้องที่คอยตรวจสอบสายตาและการเคลื่อนไหว
รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ทั้ง 3 รุ่น ของตระกูล “Sphere” ทั้ง Skysphere Grandsphere และ Urbansphere ของอาวดี้ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการยกระดับยานยนต์แห่งโลกอนาคตไปอีกขั้น และการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า 100% ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะเพื่อการเดินทาง จากจุด A ไปจุด B แต่ทั้ง 3 ซีรีย์ มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (High Autonomation 4* SAE หรือ Society of Automotive Engineers) สามารถขับเคลื่อนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พวงมาลัยและแป้นเหยียบจะถูกพับเก็บและซ่อนไว้ในจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 4 จะทำหน้าที่ตรวจสอบการจราจรและพาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย นี่คือก้าวต่อไปของอาวดี้ ที่จะแสดงให้เห็นว่า นับจากนี้โลกแห่งการเคลื่อนที่ และประสบการณ์การขับขี่ในอนาคตอันใกล้นี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นอกเหนือจากเรื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และสุนทรียภาพของการขับขี่ที่ใส่มาแบบไม่อั้นแล้วนั้น รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ตระกูล Sphere ยังได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ถึงความพิเศษเฉพาะตัวจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของ Volkswagen Group ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงศักยภาพของรถไฟฟ้า 100% รองรับรถรุ่นที่มีสมรรถนะการขับขี่สูง โดยมีการออกแบบให้ได้ประโยชน์ใช้สอย สามารถจัดการพื้นที่และติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ระหว่างเพลาล้อหน้า-หลังในตำแหน่งที่ต่ำ ทำให้วางแบตเตอรี่ความจุสูงได้อย่างเหมาะสม
A6 Avant e-tron อีก Concept model ที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของอาวดี้ คือ “A6 Avant e-tron ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ใช้แพลตฟอร์ม PPE เช่นเดียวกับรถในตระกูล Sphere
A6 Avant e-tron ได้รับการออกแบบให้มีสัดส่วนที่สง่างาม ลุคปราดเปรียว ดังคำบอกเล่าของ Oliver Hoffmann สมาชิกคณะกรรมการฝ่ายพัฒนาด้านเทคนิคของอาวดี้ “ด้วยแนวคิด Audi A6 Avant e-tron เรากำลังนำเสนอรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับรุ่นการผลิตในอนาคตบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี PPE ใหม่ของเรา ซึ่งเราไม่เพียงแต่กระตุ้นประวัติศาสตร์ 45 ปี ของ Avant ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการสร้างรถไฟฟ้า 100% ในตระกูล Avant ที่แฟนอาวดี้หลงรัก ทั้ง Design ที่โดดเด่น และประสิทธิภาพอันทรงพลัง 800 โวลต์ ชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ (fast charge) และสามารถวิ่งได้สูงสุด 700 กิโลเมตร” ตามมาตรฐาน WLTP