มาสด้าเผยยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในเดือนสิงหาคมที่เติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 50% และที่สำคัญเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่น โดยเฉพาะมาสด้า2 รถยนต์นั่งสปอร์ตซิตี้คาร์ที่ยังคงครองใจมหาชนที่ฮิตติดลมบนด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง ในขณะที่รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ด้วยยอดขายเติบโตมากกว่า 200% หลังจากมาสด้าส่งแคมเปญพิเศษ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้คนไทยก้าวเดินหน้าไปด้วยกัน ชี้ชัดตลาดรถยนต์ของประเทศไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว เตรียมเร่งเดินหน้าส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าโดยเร็วที่สุด
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตขึ้นสูงถึง 50% และเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกรุ่นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น มาสด้า2 จำนวน 1,408 คัน (เพิ่มขึ้น 46%) มาสด้า3 จำนวน 117 คัน (เพิ่มขึ้น 23%) มาสด้า CX-3 จำนวน 456 คัน (เพิ่มขึ้น 61%) มาสด้า CX-30 จำนวน 381 คัน (เพิ่มขึ้น 16%) มาสด้า CX-5 จำนวน 93 คัน (เพิ่มขึ้น 116%) มาสด้า CX-8 จำนวน 35 คัน (เพิ่มขึ้น 35%) มาสด้า บีที-50 จำนวน 227 คัน (เพิ่มขึ้น 224%) และมาสด้า MX-5 จำนวน 1 คัน ตามลำดับ ส่งผลให้ในเดือนที่ผ่านมามาสด้ามียอดขายรวมอยู่ที่ 2,718 คัน
จากตัวเลขยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา รถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีตัวเลือกใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงการประหยัดน้ำมัน และคุณภาพของวัสดุที่หรูหรา ความประณีตของการผลิต ส่งผลให้มาสด้า2 ยังคงเป็นรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคา มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ มอบความสนุกในทุกการขับขี่ มอบความสะดวกสบายและระบบปลอดภัยรอบคัน อาทิ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive พร้อมแมนนวลโหมด ระบบควบคุมสมรรถนะในการขับขี่อัจฉริยะ GVC Plus เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึก 2 ตำแหน่ง เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานนี้ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน มั่นใจทุกการขับขี่ให้ทุกเส้นทางสนุกมั่นใจได้ในแบบของคุณกับ Active Driving Display จอสกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ Sport Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Wireless Charger และ Wireless Apple CarPlay มีความอเนกประสงค์และมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีครบครัน ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ ช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจ และเกิดความคุ้มค่า จึงส่งผลให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมมาตลอด และตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“นอกจากนี้แล้ว รถยนต์มาสด้ารุ่นอื่นๆ ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน เริ่มจาก รถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 ที่กลับมาเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังจากส่งแคมเปญพิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้ไปต่อ ฝ่าทุกวิกฤตเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการนำรถไปประกอบอาชีพ ช่วยให้ประชาชนคนไทยก้าวเดินหน้าต่อไปได้หลังประสบกับวิกฤตมายาวนาน ในขณะที่ มาสด้า CX-5 ก็เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน ซึ่งจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งสัญญาณเชิงบวกว่าตลาดรถยนต์กำลังเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะในเดือนกันยายนนี้จะเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจัยเรื่องชิ้นส่วนเพื่อการผลิตที่ขาดแคลนเมื่อก่อนหน้านี้ได้เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งส่งผลดีกับมาสด้าในเรื่องการผลิตรถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะรถครอสโอเวอร์เอสยูวี มาสด้า CX-8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ มีลูกค้าจองเข้ามามากกว่า 1,000 คัน ซึ่งมาสด้ากำลังเร่งผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าโดยเร็วที่สุด” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม