เพชแมนเป็นรถอเนกประสงค์ของค่ายมินิกับตัวถังแบบที่ 7 เปิดตัวครั้งแรกด้วยรูปแบบของรถคอนเซ็ปต์ในงานดีทรอยด์ออโตโชว์เมื่อต้นปี 2011 จากฝีมือการออกแบบ Gert Hildebrand ที่มีผลงานในการออกแบบในฐานะหัวหน้าทีม ทั้ง มินิ คลับแมน , มินิคันทรีแมนและมินิคูเปอร์
เพชแมนเป็นรถกลุ่มใหม่สปอร์ต เอคทิวิตี้ คูเป้เป็นการผสมผสานความเป็นสปอร์ต ใช้งานได้อเนกประสงค์เข้ากับรถคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ด้วยข้อจำกัดเรื่องของขนาดตัวถังที่ทำให้ใหญ่มากไม่ได้เดี๋ยวจะไม่เป็นมินิ เพชแมนคอนเซ็ปต์จึงใช้ฐานล้อและขนาดตัวถังร่วมกับคันทรี่แมน ต้องใช้เวลาเกือบๆ 2 ปีจึงจะมีการเปิดตัวเพชแมนกันในช่วงปลายปี 2012 ส่วนเมืองไทยก็เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ปีที่แล้ว
หลังคาถูกออกแบบออกมาให้ลาดลงเล็กน้อยสไตล์รถคูเป้เพื่อความสวยงาม พร้อมไฟท้ายที่ถูกออกแบบมาในแนวนอนรับกับกระจกหลังที่ลาดเอียงเน้นรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยคิ้วโครเมี่ยมด้านข้าง รับกับล้ออัลลอยด์สีดำได้อย่างกลมกลืนเพื่อได้อารมณ์ความเป็นเพชแมนอย่างชัดเจน
ครึ่งหน้าของเพชแมนจะดูคล้ายกับคันทรี่แมนมาก จึงใช้อะไหล่ได้รวมกันเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า ไฟหน้า ฝากระโปรง จากการใช้ฐานล้อร่วมกันทำให้เพชแมนกับคันทรี่แมนมีความยาวพอๆกัน แต่จะเบากว่าและเตี้ยกว่าเท่านั้นเอง
การออกแบบจะโดดเด่นในสไตล์รถคูเป้ 3 ประตู ซึ่งจะประกอบด้วย ประตูหน้า 2 บานและประตูหลังขนาดใหญ่อีกหนึ่ง อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิเอาไว้กับความหรูหราสไตล์รถยนต์อังกฤษ ความชัดเจนที่แตกต่างคือบั้นท้าย ด้วยการออกแบบไฟท้ายแนวนอนแทนจะที่เป็นแนวตั้งเหมือนรุ่นอื่นๆ ตรงกลางฝาท้ายจะมีโลโก้มินิติดเอาไว้ วงกลมตรงกลางทำหน้าที่เป็นมือจับเปิดฝาท้ายไปในตัวอีกด้วย
ในรุ่น คูเปอร์ เพชแมน เวลาเปิดประตูเข้าไปจะเห็นเบาะนั่งที่ใช้วัสดุผสม ทำให้สวยไปอีกแบบ สามารถปรับดันหลังได้ ส่วนการปรับเลื่อนจะใช้มือดึงก้านใต้เบาะสำหรับขยับเดินหน้าหรือถอยหลังได้ การออกแบบเบาะนั่งจะยกเบาะหน้าให้สูงกว่าเบาะหลังเล็กน้อยเพื่อทัศนียภาพและความงามภายนอก หากไม่ยกเบาะขึ้นขอบประตูที่สูงจะมองเห็นข้างนอกได้จำกัด แม้แต่กระจกมองข้างทางด้านซ้ายก็จะมองเห็นได้ไม่ค่อยเต็มที่ซักเท่าไหร่
ระหว่างเบาะจะมีรางอลูมิเนียมยาวๆสำหรับวางพวกมือถือได้ การออกแบบเบรกมือก็แปลกไปจากรถอื่นๆ โดยมีเบรกมือรูปตัวแอลขนาดใหญ่จับได้เต็มไม้เต็มมือ
เบาะหลังจะมีรางคันกลางแบบเบาะหน้าจึงนั่งได้แค่ 2 คน การเข้า-ออกไปยังด้านหลังก็ใช้แค่ดึงมือจับหลังเบาะคู่หน้าก็พับพนักพิงไปข้างหน้าพร้อมกับขยับเบาะได้อย่างรวดเร็วเร็ว
เวลาต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระก็สามารถพับเบาะหลังเก็บ จากความจุ 330 ลิตรก็จะเพิ่มได้ถึง 1,080 ลิตรทันที จึงไม่ต้องกังวลเมื่อจะเดินทางไกล แต่การใช้งานทั่วๆไปจะมีพื้นที่เก็บของก็มีขนาดใหญ่พอรองรับการเก็บของได้อยู่แล้ว
แผงคอนโซลจะโชว์เอกลักษณ์ของมินิด้วยจอมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน หลังพวงมาลัยจะมีมาตรวัดรอบเอาไว้ ส่วนความเร็วก็จะเป็นตัวเลขดิจิตอลบอกไว้ด้านล่างของมาตรวัด กุญแจทรงจานบินเสียบเท้าเข้าช่องกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ทำงานในทันที
โดยเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถรุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 184 กม./ชม. อัตราเร่งช่วงออกตัวมีอาการรอรอบเล็กน้อย ความเร็วกลางถึงปลายจะมีความต่อเนื่องมากกว่า รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ 2,500 รอบต่อนาที ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. อัตราบริโภคอยู่ที่ 11.3 กม./ลิตร จากการใช้งานทั่วๆไป เรื่องของช่วงล่างไม่ถึงกับแข็งจนกระด้างแต่ก็ยังคงเกาะถนนได้ดี รับรู้ถึงสภาพพื้นผิวถนนได้ มีความฉับไวเวลาหักพวงมาลัย ซึ่งได้ความมั่นใจและสนุกในการเป็นผู้ควบคุมเหมือนกับมินิรุ่นอื่นๆ