All-New Mitsubishi Triton Athlete (ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท) เป็นรถกระบะแบบ 4 ประตูจากตระกูลไทรทัน รุ่นล่าสุด ที่ได้รับการติดตั้งชุดแต่งทั้งภายในและภายนอกให้พร้อมเสร็จมาจากโรงงาน ภายใต้แนวคิด BEAST MODE (บีสต์ โหมด) เพื่อเอาใจคนรักการผจญภัยด้วยรถกระบะทรงออฟโร้ดสไตล์สปอร์พรีเมียม โดยทางมิตซูบิชิจะมีรถ มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ 2 รุ่น คือ Athlete Hyper Power X² ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 1,125,000 บาท และ Athlete 4WD Hyper Power X² ที่เสริมสมรรถนะการลุบด้วย ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคา 1,298,000 บาท ซึ่งเราจะมาลองขับกันในทริปนี้
ในเรื่องของมิติตัวถังถ้าเทียบกับ Mitsubishi Triton Athlete รุ่นที่แล้ว ตัวถังของ Athlete ใหม่ จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น คือมีความยาว/กว้าง/สูงที่เพิ่มขึ้น 80 มม./115 มม./20 มม. ตามลำดับ ส่วนช่วงฐานล้อมีความยาวเพิ่มขึ้น 130 มม. และความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถเพิ่มนิดหน่อยจาก 220 มม.เป็น 222 มม. สำหรับการชุดตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของ Athlete 4WD Hyper Power X² ก็จะประกอบด้วยชุดแต่งที่มีสีดำเงาทั้งหมด 10 รายการ คือ ชุดแต่งกันชนหน้ากับกระจังหน้าสีดำ ที่ซุ่มล้อเสริมชุดโป่งล้อขนาดใหญ่สีดำ ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ ที่จับมือเปิดประตูสีดำ ราวยึดสัมภาระบนหลังคาสีดำ สปอร์ตบาร์ที่กระบะท้ายสีดำ มือเปิดฝากระบะท้ายสีดำ กันชนท้ายสีดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18″ส่วนสีตัวถังก็มีให้เลือกได้ 4 สีคือสีดำJet Black Mica สีเทา Graphite Grey สีขาว White Diamond และพิเศษกับสีส้ม Yamabuki Orange Metallic ที่เป็นสีเฉพาะของรุ่นแอทลีท
เท่าที่ได้เดินดูสำรวจรอบ ๆ ตัวรถการออกแบบรูปโฉมโดยรวม ๆ แล้วเรียกได้ว่า Mitsubishi Triton Athlete เกิดมาหล่อตามยุค ที่นิยมรถกระจังหน้าใหญ่ ๆ และดูแตกต่างจากพี่น้องรวมค่ายรุ่นอื่น ๆ อย่างชัดเจน ที่ชุดโคมไฟหน้ามีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์แบบ LED ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหน้ามีไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมเสริมแผ่นโลหะที่ด้านใต้เพื่อป้องกันอ่างน้ำมันกระแทกหินมาให้เรียบร้อย ส่วนเส้นสายรอบตัวรถก็ดูสมส่วนและลงตัว อุปกรณ์ตกแต่งและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ บันไดข้าง คิ้วบังโคลนล้อทั้ง 4 ด้าน ที่ทำให้รถดูแข็งแกร่งบึกบึนขึ้นและใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ทุกชิ้นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วจะใส่อยู่กับยางของ Bridgestone รุ่น Dueler H/T ขนาด 265/60 R18
ตัวรีโมทกุญแจรถและระบบล็อคประตูเป็นแบบ KOS Smart Keyless Entry,กระจกมองข้างมีขนาดใหญ่มากให้มุมมองที่กว้างขวาง สามารถปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวไว้ที่ส่วนปลาย ในส่วนของภายพื้นที่บรรทุกของที่กระบะท้าย เน้นการออกแบบให้มีความกว้างขวางเพื่อการบรรทุกที่มากขึ้น ด้วยขนาดความกว้าง xยาวที่ 1,545 x 1,555 มม. และยังคำนึงถึงผู้ใช้งานด้วยการออกแบบให้มีร่องสำหรับเสียบไม้กั้น เพื่อการจัดสรรพื้นที่บรรทุกของให้เป็นระเบียบ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตัวฝาท้ายที่เปิดปิดง่ายและผ่อนแรงฝากระบะท้าย ส่วนไฟท้ายก็มีขนาดที่ใหญ่ช่วยให้ผู้ที่ขับรถตามมาสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน
ส่วนภายในห้องโดยสารจุดที่น่าประทับใจที่สุดก็คือ ประตูที่เปิดได้มุมกว้างมาก ช่วยให้การเข้าออกทำได้ง่าย แถมพื้นที่ห้องโดยสารก็กว้างขวาง สำหรับการตกแต่งยังคงใช้สีแบบทูโทน ส้ม-ดำ คล้ายกับรุ่นที่แล้ว โดยตัวเบาะที่นั่งจะหุ้มวัสดุหนังสีส้มด้านข้าง ส่วนตรงกลางใช้เป็นหนังกลับลายรังผึ้งสีดำ เย็บตะเข็บเบาะด้วยด้านสีส้ม และเติมอารมณ์สปอร์ตด้วยพรมปูพื้นชุดพิเศษสำหรับมิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ใหม่ โดยเฉพาะ สำหรับตัวเบาะคู่หน้ามีขนาดที่ใหญ่และสูงนั่งได้สบาย การปรับเบาะเฉพาะด้านคนขับสะดวกสบายด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง มุมมองโดยรอบของผู้ขับให้การมองเห็นได้ชัดเจนดีมาก
สำหรับชุดแผงหน้าปัดใหม่ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูหรูหราและล้ำสมัย ด้วยระบบเชื่อมต่อการสื่อสารที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถควบคุมและใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวกกว่าเดิม โดยผ่านหน้าจอที่คอนโซลกลางแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย Wireless รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบ Mirror Link, ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบนำทาง Navigation System และกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบปรับอากาศด้านหน้าเป็นแบบแยก 2 โซล ด้านใต้ระบบปรับอากาศมีช่อง USB ให้ 2 ช่อง กับช่องต่อไฟ 12 โวลต์ 1 ช่อง ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และปุ่มล็อคเฟืองท้าย ส่วนที่แผงหน้ามาตรวัดหลังพวงมาลัยติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและระบบขับเคลื่อนได้อย่างหลากหลายเต็มรูปแบบ
พวงมาลัยติดรถเป็นแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วยหนังสีดำเย็บตะเข็มด้วยด้านสี ปรับได้ 4 ทิศทาง และมีระบบเบพาเวอร์แบบไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง และมีสวิทช์ควบคุมระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อยู่ที่ก้านพวงมาลัย พร้อมปุ่มสั่งงานด้วยเสียงที่รองรับคำสั่งภาษาไทยได้ และระบบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ที่คอนโซลกลางติดตั้งติดตั้งคันเกียร์หุ้มหนัง กับปุ่มเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) แบบหมุนดีไซน์ล้ำสมัยคล้าย ๆ กับในรถเรนจ์โรเวอร์ พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ในส่วนพื้นที่ด้านหลังก็มีขนาดที่กว้างขวาง พนักพิงหลังทางมุมเอียงกำลังดีนั่งสบาย ตรงกลางเบาะหลังมีที่เท้าแขนซึ่งสามารถวางแก้วน้ำได้ 2 ใบ สำหรับช่อง USB จะมีมาให้ตรงคอนโซลช่องแอร์ด้านหลังทั้งแบบ Type A / Type C
สำหรับขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Athlete 4WD Hyper Power X² จะเป็นเครื่องแบบดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร Hyper Power X2 ซึ่งมีระบบเทอร์โบสองสเตจ (Two-stage Turbocharger) ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) และยังเสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกรูปแบบของพื้นผิว ด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco), โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel), โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น (Snow), โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud), โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน (Sand), โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock) และแตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)
นอกจากนี้มิตซูบิชิยังมีการปรับปรุงในส่วนของระบบบังคับเลี้ยวและระบบช่วงล่างใหม่ โดยเปลี่ยนมาให้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์มาเป็นแบบไฟฟ้าที่ให้การตอบสนองได้เร็วขึ้น คือให้วงรอบการหมุนพวงมาลัยลดลง 3.7 รอบลงมาเหลือเพียง 3.3 รอบ แต่ยังคงให้น้ำหนักที่เบาหรือหนักขึ้นเหมาะสมกับความเร็วของรถ และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.2 เมตร ในส่วนของระบบช่วงล่างก็มีการปรับให้โช้คอัพมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและเพิ่มระยะชักให้ยาวขึ้นอี 20 มม. เพื่อ Athlete 4WD Hyper Power X² มีความสามาถในการยึดเกาะถนนที่ดีแต่ยังคงความนิ่มนวลและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในด้านความปลอดภัย Mitsubishi Triton Athlete จะรับการติดตั้งเทคโนโลยี “ไดมอนด์ เซนส์” ที่ประกอบด้วยระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน เพื่อความปลอดภัยแบบ 360 องศา ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายดายควบคุมรถได้ดังใจ อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) เสริมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
อีกระบบอำนวยความสะดวกที่ มิตซูบิชิ นำมาติดตั้งใน Mitsubishi Triton Athlete ก็คือ “มิตซูบิชิ คอนเนค” (MITSUBISHI CONNECT) ซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างผู้ขับและรถยนต์ โดยการสั่งงานผ่านสมาร์โฟนทั้งระบบ iOS และ Android โดยเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในสั่งการตัวรถได้แบบไร้สายจากระยะไกล ทั้งการเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล การล็อกและปลดล็อกประตูรถ การค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ การเปิดไฟส่องสว่าง และการกดแตรรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance) การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Assistance) และอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับ Athlete 4WD Hyper Power X² ทริปนี้นั้น จะเป็นการวิ่งจากตัวเมืองเชียงรายไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดนระหว่างทางมีเส้นทางขึ้นดอยสะเก็ด เพื่อทดลองสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) ซึ่งในด้านสมรรถนะ ไทรทัน แอทลีท เป็นรถที่มีอัตราเร่งออกตัวและการเร่งแซงช่วงความเร็ว 60-100 กม./ชม.ที่ว่องไวน่าประทับใจ และใช้รอบเครื่องยนต์ช่วงความเร็วเดินทางประมาณ 100-120 กม./ชม. ที่ค่อนข้างต่ำประมาณ 2,000-2,200 รอบ/นาที ซึ่งส่งผลให้มีความประหยัดโดยกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 12 กม./ลิตรในทางราบ การตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่มีความแม่นยำและเบาแรงดี เรื่องรัศมีวงเลี้ยวใหม่ที่ 6.2 ม.นั้นออกจะเยอะไปหน่อย เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่ทำได่แคบเพียง 5.9 ม. การทำงานของระบบกันสะเทือนมีความนิ่มนวลไม่กระด้างแบบรุ่นก่อนอย่างชัดเจน แต่ก็โคลงเคลงเมื่อเข้าโค้งแรง ๆ อยู่บ้าง ตามสไตล์ของรถยกสูงและใช้คานแข็งประกอบแหนบที่ล้อหลัง การทำงานของระบบเบรกสามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย แม้จะต้องเบรกแบบกะทันหันก็ไม่เสียการทรงตัว และยังสามารถควบคุมพวงมาลัยเพื่อหลบสิ่งกีดขวางได้โดยที่ล้อไม่มีอาการล็อกตาย เพราะติดตั้งระบบเสริมแรงเบรกและระบบเบรกเอบีเอสมาให้ด้วย
จุดเด่นอีกอย่างของ Athlete 4WD Hyper Power X² ก็คือ การนำเอาระบบขับเคลื่อนแบบ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) แบบเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ในปาเจโร่สปอร์ตมาใช้ ซึ่งทำให้ไทรทัน แอทลีท เป็นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อเพียงหนึ่งเดียวของบ้านเรา ที่สามารถใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ในทุกช่วงความเร็ว นอกจากนี้ในระบบ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) ยังเพิ่มระบบล็อกเฟืองท้ายด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้รถสามารถวิ่งผ่านเส้นทางออฟโร้ดระดับโหด ๆ ไปได้อย่างง่ายดาย
สรุปโดยรวม All-New Mitsubishi Triton Athletegxเป็นรถที่มีการปรับรูปโฉมที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ส่วนจุดขายที่ All-New Mitsubishi Triton Athlete ดูจะเหนือกว่าคู่แข่งก็คือ พละกำลังและยังใส่ระบบช่วยการขับขี่และมาตรฐานความปลอดภัยมาให้อย่างเพียบพร้อม ด้วยสนนราคาค่าตัวที่ไม่หนีรถกระบะ 4 ประตูค่ายอื่น ๆ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะชอบหน้าตาสมรรถนะของค่ายไหน
มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส แอทลีท เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ
มิติ ยาว/กว้าง/สูง 5,360/1,930/1,815มม.
เครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบแปรผัน สองสเตจ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ความจุกระบอกสูบ 2,442 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 204/3,500 แรงม้า/รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 470/1,500-2,750นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
เกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ราคา 1,298,000 บาท