ยังคงเป็นยางที่น่าใช้อยู่สำหรับ Michelin Pilot Sport 3 โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนยังไม่หมดไปแบบนี้ โดยจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องเพราะเราไม่รู้ว่าในการเดินทางเส้นทางที่เราผ่านไปนั้นเปียกลื่นหรือว่ามีน้ำท่วมขังอยู่หรือเปล่า เมื่อได้ยางที่ออกแบบมาให้มีการเกาะถนนที่ดีแบบสปอร์ตก็เพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นเมื่อต้องเดินทางด้วยรถยนต์
มีโอกาสได้เดินทางไกลไปถึงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตบุรีรัมย์ก็เป็นบทพิสูจน์ถึงสมรรถนะของยาง Michelin Pilot Sport 3 ได้เป็นอย่างดีกับสภาพถนนแห้งในช่วงขาไป แต่พอขากลับเจอฝนโปรยปรายตลอดเส้นทางจนถึงสระบุรี
เปรียบเทียบกับยางเส้นเดิมที่เป็นยางสปอร์ตมีลายดอกยางแหลมแบบหัวลูกศรก็คิดว่าเกาะถนนได้ดีแล้วแต่พอเจอกับมิชลินไพลอตสปอร์ตกลับใช้กลับให้ความรู้สึกที่หนึบกว่าสามารถใช้ความเร็วสูงๆได้อย่างมั่นใจ สามารถใช้ความเร็วสูงแบบสบายๆ
เทคโนโลยีที่ทำให้มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 3 เป็นยางชั้นยอดก็คือ การออกแบบขอบลายดอกยางแบบหลบมุม ช่วยให้สัมผัสพื้นถนนได้เต็มที่ ลดการบิดตัวของขอบดอกยางภายใต้แรงเบรกเพื่อรักษาหน้าสัมผัสเอาไว้ ส่วนบล็อกดอกยางที่ต่อเนื่องทั้งเส้น มีคานเสริมแรงภายในช่วยให้ดอกยางมีความแข็งแรงและมั่นคง รองรับแรงในการออกตัวและเข้าโค้ง ได้เป็นอย่างดี
หน้ายางแปรผันสามารถปรับขยับตัวของหน้ายางไปตามความเร็วรถเพื่อสร้างอุณภูมิที่เหมาะสมในการยึดเกาะถนน หากเป็นความเร็วต่ำ ยางขยับตัวได้มากเพื่อให้อุณภูมิสูงขึ้นเพื่อสร้างอุณหภูมิที่เหมาะสม ส่งผลให้มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ขณะที่ความเร็วสูงหน้ายางสามารถแข็งตัว เพื่อลดอุณหภูมิลงไม่ให้เกิดการ Overheat ของยาง พอใช้ความเร็วสูงหน้ายางก็จะขยับตัวน้อยลงไม่ให้อุณภูมิของยางสูงเกินไป
ยางติดรถเดิมสำหรับ Honda Jazz รุ่น RS ซึ่งเป็นยางขอบ 16 มันเป็นยางกึ่งๆ คนจะเล่นขอบ 15 หรือไม่ก็เป็น 17 มากกว่า ยิ่งเป็นหน้ายาง 185 ก็ยังดูแคบไปหน่อยจึงเลือกยางขนาด 195 / 55 R15 มาใช้แทนซึ่งจะเป็นยางที่ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนได้ดีอยู่
ช่วงเดินทางกลับเจอฝนก็ยังมั่นใจกับการใช้ความเร็วเพราะ Michelin Pilot Sport 3 จะมีเทคโนโลยีWet Grip Elastomer ที่ถ่ายทอดมาจากสนามแข่งเลอมังส์ ซึ่งทางมิชลินออกแบบสูตรพิเศษบนหน้ายางที่ช่วยให้เนื้อยางให้ความยืดหยุ่นทำให้เกาะถนนได้ดีแม้จะอยู่ในสภาพเปียกลื่นอยู่ก็ตาม
อีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลดีให้กับสภาพอากาศเมืองไทยคือการใช้ยางแค่ชุดเดียวไม่ว่าจะเจออากาศร้อนฝนหรือหนาวที่บางครั้งต้องเจอกับน้ำท่วมขังหรือพื้นผิวเปียกแฉะบนถนนก็ได้ร่องรีดน้ำบนหน้ายางถึง 4 ร่องที่ออกแบบบริเวณไหล่อย่างให้มีมุมโค้งเพิ่มขึ้นโดยไม่เสียพื้นที่ของหน้าสัมผัสทำให้รีดน้ำออกไปทางด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว สภาพถนนเปียกเปียกจึงไม่ลดทอนความมั่นใจในการควบคุมรถสามารถรักษาความเร็วเอาไว้ได้ดีไม่แพ้บนถนนแห้ง
โชคดีที่เมืองไทยไม่ต้องเลือกยางมาใช้ถึง 2 ชุดเหมือนเมืองหนาวซึ่งทางมิชลินใช้เทคโนโลยี Sport Power compound มาใช้ช่วยให้เกิดการยึดเกาะพื้นถนนได้ทุกสภาพอากาศ ดังนั้นยางรุ่นนี้จึงออกแบบมาเพื่อรองรับคนที่ชื่นชอบการใช้ความเร็วในการขับขี่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เมื่อต้องเจอกับโค้ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเจอเมื่อใช้รถบนท้องถนนก็คือการเบรกเมื่อเปรียบเทียบกับยางเส้นเดิมที่เคยใช้ระยะเบรกของ Michelin Pilot Sport 3 จะสั้นกว่าเยอะ เวลาเบรกกะทันหันก็ต้องคอยชำเลืองมองดูทางด้านหลังด้วยเพราะกลัวว่ารถที่ขับตามหลังมาจะเบรกได้ไม่ดีเท่าแล้วมาชนท้ายเอา
เป็นเรื่องปกติสำหรับยางสปอร์ตในเรื่องเสียงดังซึ่งยางรุ่นนี้ก็มีเสียงดังเข้ามาสู่ห้องโดยสารเช่นกัน แต่จะเงียบกว่ายางเส้นก่อนหน้านี้เยอะทำให้ไม่รู้สึกรำคาญ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้การขับขี่บนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ ถึงจะเป็นยางที่ออกมานานพอสมควรแต่ก็ยังมั่นใจได้กับการใช้งานของยาง