มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก ครองอันดับหนึ่งในการประเมินภาคอุตสาหกรรมยางธรรมชาติหรือยางพารา ประจำปี 2564 ซึ่งจัดทำโดย SPOTT โดยการประเมินผลครั้งนี้ครอบคลุมการวิเคราะห์พันธกิจและนโยบายสาธารณะขององค์กร ทั้งที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ตลอดจนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนภาคการเงินและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องมือประเมินความโปร่งใสด้านนโยบายเพื่อความยั่งยืน หรือ SPOTT (Sustainability Policy Transparency Toolkit) เป็นกรอบแนวทางการประเมินที่พัฒนาขึ้นโดย ZSL (Zoological Society of London) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลด้านการอนุรักษ์ระดับนานาชาติ เครื่องมือนี้ใช้ในการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร นโยบายและแนวปฏิบัติต่างๆ ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ (Public Disclosure) ของผู้ผลิต ผู้แปรรูป และผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละราย โดย SPOTT จะประเมินและให้คะแนนบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับป่าไม้ในเขตร้อน น้ำมันปาล์ม และยางธรรมชาติหรือยางพารา เป็นประจำทุกปี ตามดัชนีชี้วัดเฉพาะภาคอุตสาหกรรม 100 ดัชนี เพื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานและประเมินพัฒนาการความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น
การประเมินผล SPOTT ครั้งล่าสุด ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ได้ประเมินและให้คะแนนบริษัทและองค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวกับยางธรรมชาติหรือยางพารารวมทั้งสิ้น 30 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ผลิตยางธรรมชาติและผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกรวมอยู่ด้วย โดยมิชลินมีคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 81.8% เหนือกว่าผู้ที่ได้รับการประเมินในกลุ่มเดียวกันรายอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคะแนนเฉลี่ยของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่เพียง 39.3% สะท้อนให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำของมิชลินในเรื่องความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน
นายเสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการ Société des Matières Premiéres Tropicales Pte Ltd (SMPT) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มมิชลินที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางเทคนิคและการจัดซื้อยางพารา กล่าวว่า “การครองอันดับหนึ่งในการประเมินผลครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นทั้งความมุ่งมั่นของมิชลินในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของยางธรรมชาติ และการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการยกระดับการปฏิบัติงานในพื้นที่, การเข้าไปมีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานเพื่อประเมินและลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่เกษตรกรรายย่อยผ่านหลากหลายโครงการที่มุ่งเน้นให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตและแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น อาทิ โครงการ CASCADE ที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพให้กับเกษตรกร 1,000 รายในอินโดนีเซีย ด้วยการนำเครื่องมือจัดทำแผนผังความเสี่ยง RubberWay Risk Mapping Tool มาใช้ เพี่อรายงานความคืบหน้าโครงการฯ ในรูปแบบของแผนที่ความยั่งยืน ทั้งนี้ ความโปร่งใสถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบต่อพันธกิจของมิชลิน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยางรถยนต์โดยรวม ด้วยความมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อโลกใบนี้ที่เราทุกคนอาศัยอยู่”