เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา มิชลินได้จัดงาน Capital Markets Day เพื่อนำเสนอความคืบหน้าล่าสุดในการปฏิบัติงานตามแผนงานเชิงกลยุทธ์ Michelin in Motion โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ในงาน Capital Markets Day ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2564 มิชลินได้แถลงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตสู่ปี 2573 ที่เรียกว่า Michelin in Motion โดยตั้งเป้าขับเคลื่อนรายได้ให้เติบโตสูงขึ้น 5% ต่อปี ในช่วงปี 2566-2573 รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนรายได้ของกลุ่มมิชลินจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยางให้อยู่ที่ 20-30%
ตลอดสองปีที่ผ่านมา กลุ่มมิชลินประสบความสำเร็จระดับสูงในการดำเนินงานตามดัชนีชี้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับผู้คน ผลกำไร และผืนโลก (People, Profit and Planet) โดยปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกผัน และมุ่งหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้สำหรับปี 2566
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่สำคัญ หรือ “เมกะเทรนด์” (Mega Trends) ได้แก่ โลกที่เต็มไปด้วยการแบ่งแยก (Fragmentation of the World), การเปลี่ยนแปลงเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน, ความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม และการสัญจรด้วยระบบไฟฟ้า ล้วนสอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มมิชลินซึ่งมุ่งสร้างการเติบโตเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับศักยภาพในการปรับตัวให้เหมาะกับปัจจัยแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่ตอกย้ำให้เห็นความโดดเด่นแตกต่างของมิชลิน ซึ่งจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในปีต่อๆ ไป เนื่องจากกลุ่มมิชลินเร่งพัฒนายกระดับความสามารถที่ทำให้องค์กรมีความแตกต่างอย่างชัดเจน
ในฐานะองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและสามารถตอบสนองตลาดแนวตั้งมูลค่าสูง (High-Value Market Verticals) ได้หลากหลายประเภท มิชลินมุ่งยกระดับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านภาวะผู้นำและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งในแง่ผลการดำเนินงานและความยั่งยืน
ความสำเร็จในอนาคตของมิชลินส่วนหนึ่งจะมาจากความสามารถในการปรับปรุงผลการดำเนินงานเชิงโครงสร้าง (Structural Performance) ของธุรกิจยาง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะมาจากการกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยาง การเติบโตเช่นนี้ถือเป็นการเติบโตทั้งจากภายในองค์กรเอง (Organic) และจากการขับเคลื่อนผ่านการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (Mergers & Acquisitions: M&A)
ข้อมูลเกี่ยวกับการควบรวมและเข้าซื้อกิจการของมิชลินในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นผลที่น่าพอใจ โดยรูปแบบการควบรวมและเข้าซื้อกิจการของมิชลินสอดคล้องตามกลยุทธ์องค์กร อีกทั้งธุรกิจต่างๆ ที่มิชลินเข้าซื้อกิจการยังถูกบูรณาการเข้าด้วยกันได้สำเร็จด้วยดี นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาและวางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บนฐานการทำงานร่วมกันด้านนวัตกรรมเชิงลึก (Deep Innovation) ซึ่งส่งผลให้มิชลินมีความแตกต่างที่เด่นชัดขึ้นสำหรับลูกค้ากลุ่มที่มีความคาดหวังสูง กลุ่มมิชลินบริหารจัดการการควบรวมและเข้าซื้อกิจการอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถบรรลุการเติบโตระดับสูงได้เร็วขึ้น ตลอดจนเพื่อทำให้ค่านิยมองค์กรของบริษัทร่วมทุนเป็นจริง
เป้าหมายอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return On Capital Employed: ROCE) ของกลุ่มมิชลินซึ่งอยู่ที่ 10.5% ในช่วงเวลาหนึ่ง คำนึงถึงผลกระทบจากการควบรวมและเข้าซื้อกิจการเอาไว้แล้ว