มาสด้าจัดงาน “2022 Mazda Business Review & Way Forward” ภายใต้ธีม “ท้าทายความสำเร็จอีกขั้น…สู่อนาคตที่เป็นไปได้” หรือ “Challenge to the New Possibilities” พร้อมเปิดเผยถึงผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยเฉพาะตัวเลขยอดขายทะลุ 35,654 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 4.5% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงครองใจลูกค้ามากที่สุด ด้วยยอดขายเกือบ 20,000 คัน ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-30 และมาสด้า CX-3 รวมกันกว่า 12,000 คัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังด้านการใช้จ่ายเนื่องจากไม่แน่ใจต่อสถานการณ์ และยังส่งผลกระทบถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนหลายแห่งต้องหยุดการผลิต ทำให้เกิดการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตและกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งระบบ อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณบวกจากการที่ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จากภาครัฐ ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยปีงบประมาณ 2564 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2563 ที่ 1% ประมาณ 795,000 โดยตลาดรถปิกอัพได้รับความนิยมสูงสุด มีจำนวนรวม 357,000 คัน ตามมาด้วยรถยนต์นั่ง จำนวน 214,000 คัน รถอเนกประสงค์เอสยูวี (รวม PPV) จำนวน 143,000 คัน อื่นๆ จำนวน 81,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จำนวน 2,097 คัน
สำหรับปีงบประมาณ 2564 (ระหว่างเดือนเมษายน 2564 – มีนาคม 2565) มาสด้าทำยอดขายได้ 35,654 คัน ลดลงเล็กน้อย 11% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2563 ครองส่วนแบ่งการตลาด 4.5% แบ่งเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 20,115 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 ยังร้อนแรงต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่ง มีจำนวนสูงถึง 18,426 คัน ตามมาด้วยมาสด้า3 จำนวน 1,685 คัน และมาสด้า MX-5 จำนวน 4 คัน ขณะที่รถปิกอัพ มาสด้า BT-50 ยอดขาย 1,224 คัน ส่วนครอสโอเวอร์เอสยูวีตระกูล CX-Series มีจำนวนทั้งสิ้น 14,315 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 2% อันได้แก่ รถครอสโอเวอร์เอสยูวี มาสด้า CX-30 มียอดขายสูงสุดถึง 6,879 มาสด้า CX-3 จำนวน 5,378 คัน มาสด้า CX-8 จำนวน 1,074 และมาสด้า CX-5 จำนวน 984 คัน ตามลำดับ
ในปีงบประมาณ 2565 นี้ มาสด้าเตรียมบุกตลาดรถมือสอง ด้วยการเปิดตัวธุรกิจใหม่ MAZDA CPO (Certified Pre-Owned) นำเสนอรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีให้กับลูกค้า เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าได้นำรถเก่ามาเทรด-อิน ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ หรือซื้อเพิ่มเติม ภายใต้กลยุทธ์ Trade Cycle Management ซึ่งลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดจากการครอบครองรถยนต์มาสด้าที่ผ่านการตรวจสอบอุปกรณ์และชิ้นส่วนกว่า 100 รายการ ผ่านมาตรฐานและการรับรองจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ซึ่งโครงการ MAZDA CPO จะเป็นการยกระดับมูลค่ารถมาสด้ามือสองในตลาด รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบัน เปิดดำเนินการแล้ว 9 แห่ง ปีนี้ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 18 แห่ง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 38 แห่ง ภายในปี 2568 ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด