ช่วงรุ่นของไทคานน์ (Taycan) มีให้เลือกมากกว่าที่เคย ด้วยตัวถัง 3 แบบ, ระบบขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อและขับเคลื่อนล้อหลัง และระดับพละกำลังที่แตกต่างกันของมอเตอร์ Porsche E-Performance ตั้งแต่ 300 จนถึง 760 กิโลวัตต์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 16 รุ่นให้เลือกไทคานน์ 4 (Taycan 4) สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าซีดาน ราคาเริ่มต้นที่ 6.99 ล้านบาท และการเปิดตัวใหม่ของ ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามา ราคาเริ่มต้นที่ 9.49 ล้านบาท ตัวเลือกใหม่นี้จะเสริมทัพในกลุ่มครอบครัว ไทคานน์ (Taycan) และสามารถสั่งซื้อได้แล้ว โดยจะพร้อมจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี 2025 นอกจากนี้ยังมีสีภายนอกใหม่ให้เลือกสำหรับทุกรุ่นของไทคานน์ (Taycan) โดยในกลุ่มสีแห่งตำนาน Legends มีสีเทา Slate Grey Neo และสีฟ้า Pale Blue Metallic ซึ่งเสริมความหลากหลายให้กับตัวเลือกเดิม ขณะที่ในกลุ่มแห่งความฝัน Dreams ก็มีการเพิ่มสีม่วง Purple Sky Metal-lic เข้ามาใหม่
รุ่นใหม่เหล่านี้มีการพัฒนาทั้งในด้านการออกแบบ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ปอร์เช่ (Porsche) ได้อัปเดตให้กับไทคานน์ (Taycan) ในช่วงต้นปี รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนเกือบทุกด้าน รุ่นใหม่มีพลังที่มากขึ้น, ระยะทางที่ไกลขึ้น, เร่งความเร็วได้เร็วขึ้น และชาร์จได้เร็วขึ้นพร้อมความเสถียรที่ดียิ่งขึ้น ทุกรุ่นของไทคานน์ (Taycan) มาพร้อมกับรายการอุปกรณ์มาตรฐานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และมาพร้อมกับ Porsche Driver Experience รุ่นล่าสุด การปรับปรุงทั้งประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้พลังงานพร้อมกันนั้นเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ทันสมัยพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อนเพลาหลังใหม่ที่มีกำลังสูงสุดถึง 80 กิโลวัตต์ มากกว่ารุ่นก่อน อินเวอร์เตอร์แบบพัลส์ที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับแต่ง แบตเตอรี่ที่มีกำลังสูงขึ้น การจัดการความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ปั๊มความร้อนรุ่นใหม่ และการฟื้นคืนพลังงานและการขับเคลื่อน 4 ล้อที่ได้รับการปรับปรุง ส่วนการชาร์จที่สถานีชาร์จ DC 800 โวลต์ เช่น รุ่นใหม่สามารถชาร์จได้ที่อัตราสูงสุดถึง 320 กิโลวัตต์ ความสามารถในการฟื้นคืนพลังระหว่างการลดความเร็วจากความเร็วสูงสุดได้เพิ่มขึ้นมากสุดถึง 400 กิโลวัตต์
GTS ย่อมาจาก Gran Turismo Sport ตั้งแต่ ปอร์เช่ 964 คาร์เรร่า จีทีเอส (Porsche 904 Carrera GTS) ในปี 1963 ตัวอักษรทั้งสามนี้ ได้สร้างชื่อเสียงพิเศษในหมู่แฟนๆ ของปอร์เช่ (Porsche) ตอนนี้มีรุ่นใหม่ในกลุ่มไทคานน์ (Taycan) ที่ใช้การรวมกันของตัวอักษรอันเป็นตำนานนี้ นั่นคือ ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) โดดเด่นด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 515 กิโลวัตต์ ด้วย Launch Control ซึ่งพละกำลังจะเพิ่มขึ้นถึง 75 kกิโลวัตต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยฟังก์ชัน push-to-pass ใหม่ในชุดอุปกรณ์มาตรฐาน Sport Chrono สามารถเพิ่มกำลังได้สูงสุดถึง 70 กิโลวัตตฺ เป็นเวลา 10 วินาทีเพียงแค่กดปุ่มเดียว ในไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) ฟังก์ชัน push-to-pass ยังมีลักษณะที่สปอร์ตเป็นพิเศษ เนื่องจากในความเร็วต่ำแรงบิดจะถูกปรับขึ้นไปถึงระดับ Launch Control เช่นเดียวกับในไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) การเพิ่มพลังจะถูกแสดงผ่านตัวจับเวลานับถอยหลังในหน้าปัด และมีการแสดงผลแบบไดนามิกด้วยวงแหวนอนิเมชั่นบนมาตรวัดความเร็ว
ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) ซีดานสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 0.4 วินาที และใช้เวลาเพียง 10.4 วินาทีในการเร่งจาก 0 ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าก่อนหน้านี้ 1.6 วินาที นอกจากนี้ ระยะทางการขับขี่ยังได้รับการปรับปรุงเพิ่มขึ้นกว่า 120 กิโลเมตร โดยสามารถทำระยะทางได้สูงสุดถึง 628 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะความตื่นเต้นของ GTS ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) ได้รับการพัฒนาลักษณะเสียงที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งคล้ายกับไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ฟีเจอร์เสียงนี้ช่วยทำให้ ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มไทคานน์ (Taycan)
วัสดุหลายชิ้นในห้องโดยสารได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ตัวอย่างเช่น รุ่น ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) มาพร้อมกับวัสดุ Race-Tex แบบสปอร์ตในขอบเขตที่กว้างขึ้นและองค์ประกอบจากหนังดำเรียบเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงเบาะ Adaptive Sports Seats Plus (ปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง) พวงมาลัยสปอร์ตมัลติฟังก์ชั่น GT พร้อมปุ่มเลือกโหมดและการทำความร้อนที่พวงมาลัย รวมถึงชุดอุปกรณ์ Sport Chrono ซึ่งรวมฟังก์ชัน push-to-pass และโหมดสนามแข่ง พวงมาลัยสปอร์ตมัลติฟังก์ชั่น GT ที่คุ้นเคยจากรุ่น ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) สามารถสั่งทำในวัสดุ Race-Tex สีดำได้ตามคำขอ ซึ่งจะมีปุ่มโหมด 2 ปุ่มและแป้นสำหรับฟังก์ชัน push-to-pass และการฟื้นคืนพละกำลัง นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจตกแต่งภายใน GTS แบบอุปกรณ์เสริมให้เลือกในสีเทา Slate Grey Neo นอกจากสีแดง Carmine Red โลโก้ Taycan GTS ยังปรากฏในหน้าปัด มาตรวัดพลังงาน และกราฟิกเริ่มต้น ระบบเสียง BOSE® Surround Sound เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ลูกค้าที่ต้องการผสานความประหยัดของไทคานน์ (Taycan) รุ่นเริ่มต้นกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสามารถค้นหาตัวเลือกนี้ได้ในรุ่นครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) ตอนนี้ปอร์เช่ (Porsche) ยังมีรุ่นนี้ในรูปแบบสปอร์ตซีดานอีกด้วย ในแง่ของประสิทธิภาพไทคานน์ 4 (Taycan 4) ใหม่จะเหมือนกับไทคานน์ (Taycan) รุ่นปกติ ขึ้นอยู่กับว่าเลือกติดตั้งแบตเตอรี่ Performance แบบมาตรฐานหรือแบตเตอรี่ Performance Battery Plus แบบออปชันใต้ท้องรถ ผลลัพธ์คือพละกำลังที่เพิ่มขึ้นจากระบบ Overboost สูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์หรือ 320 กิโลวัตต์ เมื่อใช้ฟังก์ชัน Launch Control ระยะทางการขับขี่ยังขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ที่เลือก หากติดตั้งแบตเตอรี่ Performance จะสามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 559 กิโลเมตร ส่วนถ้าใช้แบตเตอรี่ Performance Battery Plus ไทคานน์ 4 (Taycan 4) จะสามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 643 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งทำให้ทั้ง 2 รุ่นเป็นผู้นำด้านระยะทางในกลุ่มรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และมีระยะทางห่างจากรุ่นไทคานน์ (Taycan) ที่เทียบเท่าประมาณ 35 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งตัวที่เพลาหน้าและเพลาหลัง ไทคานน์ 4 (Taycan 4) จึงมอบความมั่นคงในการขับขี่และแรงยึดเกาะที่ดีกว่ารุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการเร่งความเร็ว โดยไทคานน์ 4 (Taycan 4) ใช้เวลา 4.6 วินาทีในอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 80 กิโลกรัม แต่ก็ยังเร็วกว่ารุ่นขับเคลื่อนล้อหลังถึง 2 ใน 10 ของวินาที