บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดศักราชใหม่สำหรับรถสปอร์ตซาลูนหรู จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Panamera) อย่างเป็นทางการครั้งแรกในอาเซียน พร้อมการประกาศราคาใหม่ที่ดึงดูดใจยิ่งขึ้น ณ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” (The 37th Thailand International Motor Expo) โดยงานแถลงข่าวจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563 เวลา 13:45 – 13:55 น. ณ บูธรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
นอกจากนี้ เอเอเอสฯ พร้อมขนทัพรถสปอร์ตหลายรุ่น นำโดยรถสปอร์ตเรือธงรุ่น ปอร์เช่ 911 ทาร์ก้า 4 เอส (911 Targa 4S) พร้อมด้วย 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S), ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo), 718 สไปเดอร์ (718 Spyder), คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid), คาเยนน์ อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne E-Hybrid Coupe) และมาคันน์ (Macan) ร่วมอวดโฉมความแรงในงานให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ปอร์เช่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2563 โดยผู้จองรถยนต์ปอร์เช่ภายในงานจะได้รับข้อเสนอแคมเปญและโปรโมชั่น รวมถึงสิทธิพิเศษมากมาย โดยเฉพาะสิทธิการซื้อการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนีนานสูงสุด 15 ปี
พานาเมร่า ใหม่เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานสมรรถนะของรถสปอร์ตและความสะดวกสบายในรูปแบบรถสปอร์ตซาลูนสุดหรูที่ให้สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยมที่สุดในรถระดับเดียวกัน มาในรูปโฉมใหม่ที่ถูกออกแบบให้มีสัดส่วนมุมมองอันเฉียบคมและลงตัวยิ่งขึ้น ให้ภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวเหนือระดับ ในรุ่นพานาเมร่า จีทีเอส ใหม่ (The new Panamera GTS) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่พละกำลังสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเลข 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) และแรงบิด 620 นิวตันเมตร ให้กำลังมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 20 แรงม้า (15กิโลวัตต์) ในขณะที่ช่วงล่างและระบบควบคุมได้รับการปรับแต่งใหม่ เพื่อเสริมความสปอร์ตและความนุ่มนวลยิ่งขึ้นในการขับขี่ โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.0 – 9.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 11.7– 10.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 253 – 244 กรัมต่อกิโลเมตร
สำหรับรุ่น พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Panamera 4 E-Hybrid) มาพร้อมการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) พละกำลังสูงสุดรวมเป็น 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปถึงระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.4 วินาที เร็วขึ้น 0.2 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุดถึง 56 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP EAER City มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 43.4 – 47.6 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.3 – 2.1 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 51 – 47 กรัมต่อกิโลเมตร