ด้วยระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ปอร์เช่ได้เปิดตัวรถแข่ง 911 GT3 R รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในการแข่งขัน Spa-Francorchamps 24 ชั่วโมง และลงสนามเป็นครั้งแรกในรายการ Daytona 24 ชั่วโมง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับการแข่งขันล่าสุด รถแข่ง 14 คัน ที่ถูกพัฒนาขึ้นในโรงงาน Weissach จะออกสตาร์ทจากกริดของสนามเอ็นดูรานซ์สุดคลาสสิกในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถือเป็นจำนวนรถแข่งที่มากที่สุด เท่าที่บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันเคยส่งเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับ GT3 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีความสำคัญที่สุดในโลกรายการหนึ่ง รถแข่ง 911 GT3 R รุ่นล่าสุด สร้างขึ้นบนพื้นฐานของรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 เจเนอเรชั่น 992 ให้พละกำลังสูงสุด 565 แรงม้า (416 กิโลวัตต์) ทีมแข่งอิสระ 11 ทีม พร้อม 53 นักแข่ง จะใช้รถแข่ง 911 GT3 R ในการแข่งขันทั้ง 4 ประเภท ที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จนถึงปัจจุบัน ปอร์เช่คว้าแชมป์ในการแข่งขันนี้มาแล้วถึง 8 สมัย โดย 2 สมัยล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2562 Kévin Estre (ฝรั่งเศส), Michael Christensen (เดนมาร์ก) และ Richard Lietz (ออสเตรีย) ชิงตำแหน่งชนะเลิศ overall มาได้ด้วยรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R สังกัดทีม GPX Racing 1ปีต่อมา 3 นักแข่งจากทีมโรงงาน Nick Tandy (สหราชอาณาจักร), Earl Bamber (นิวซีแลนด์) และ Laurens Vanthoor (เบลเยี่ยม) ตอกย้ำชัยชนะติดต่อกันได้อีกสมัยภายใต้ชื่อทีม Rowe Racing
Circuit de Spa-Francorchamps นับเป็นอีกหนึ่งสนามที่มีความท้าทายมากที่สุดสำหรับบรรดานักแข่งจากทั่วโลกตั้งแต่ปี 2464 หลังจากที่เปิดใช้สนามอย่างเป็นทางการได้เพียง 3 ปี จึงได้เริ่มมีการจัดการแข่งขันระยะยาว 24 ชั่วโมงขึ้นเป็นครั้งแรกในภาคตะวันออกของประเทศเบลเยี่ยมในปีพ.ศ. 2467 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนของประเทศเยอรมนี โดยการแข่งขันนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เริ่มจัดการแข่งขันระดับตำนานอย่าง Le Mans 24 ชั่วโมง เพียง 1 ปีเท่านั้น โดยมีการจัดงานฉลองครบรอบไปในปี 2566 ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว สนามแข่งมีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตร และตัดเส้นทางทะลุผ่านระหว่างตัวเมือง Francorchamps, Malmedy และ Stavelot ในปี 2522 มีการลดระยะทางให้สั้นลงเหลือ 7.004 กิโลเมตร ประกอบด้วย 21 โค้ง อย่างไรก็ตามสนามนี้ยังคงเป็นสนามกรังด์ปรีซ์ที่ยาวที่สุดในปฏิทินการแข่งขัน Formula 1 จนได้รับสมญานามว่า “Ardennes rollercoaster” ซึ่งมีที่มาจากความลาดชันของสนาม ในส่วนที่เรียกว่า “Raidillon/Eau Rouge” และ “Blanchimont” ซึ่งอยู่บริเวณทางตรงช่วงลงเขาที่จุดสตาร์ท และเส้นชัย นอกจากนี้นักแข่งทุกรายต้องรับมือกับความยากของโค้ง hairpin ที่มีชื่อว่า “La Source” หนึ่งในโค้งที่มีความเร็วต่ำที่สุดในฤดูกาลแข่งขันของรุ่น GT3 ในช่วงก่อนเปิดสนามในฤดูกาลแข่งขันปี 2565 สนามได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มพื้นที่ที่เป็นกรวดมากขึ้น พร้อมการปรับปรุงอัฒจันทร์หลัก รวมทั้งความสะดวกสบายอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตามรูปแบบของเส้นทางในสนามยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เนื่องจากตัวสนามตั้งอยู่ในภูมิภาค Ardennes ทีมงาน และนักแข่งต้องคำนึงถึงสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ตลอดเวลา
จะมีการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระยะยาว Spa-Francorchamps 24 ชั่วโมง ขึ้นอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของรายการ GT World Challenge Europe Endurance Cup และ Intercontinental GT Challenge (IGTC) โดยมีรถแข่งตัวแรงระดับ GT3 กว่า 72 คัน เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ กริดสตาร์ทของการแข่งขันครั้งที่ 75 คือบรรทัดฐานใหม่ของกีฬาความเร็วในระดับ GT3 นักแข่ง และรถแข่งจะได้รับคะแนนหลังจากผ่านการแข่งขันไป 6 ชั่วโมง, 12 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง ตามลำดับ
รถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R 14 คัน จะลงสนามแข่ง Spa-Francorchamps ในรุ่นที่ต่างกันทั้ง 4 รุ่น กลุ่มที่ขับเคี่ยวกันดุเดือดที่สุดเพื่อแย่งชิงตำแหน่งชนะเลิศ overall มีตัวเต็งอยู่ 19 คัน ซึ่งเป็นทีมแข่งในระดับมืออาชีพทั้งหมด รถแข่งปอร์เช่ 911 จำนวน 3 คัน พร้อมนักแข่งคันละ 3 คน จะลงแข่งขันในคลาสนี้ โดยทีมแข่ง Manthey EMA ได้ส่ง 3 นักแข่งระดับฝีมือลงสนาม ได้แก่ Julien Andlauer ชาวฝรั่งเศส อดีตนักขับจากโครงการ Porsche Junior, นักแข่งสังกัดทีมโรงงาน Kévin Estre และขวัญใจเจ้าถิ่น Laurens Vanthoor ชาวเบลเยี่ยม สำหรับทีมแข่ง Rutronik Racing ส่งอดีต 3 นักแข่งจาก Porsche Juniors ได้แก่ นักแข่งชาวเยอรมนี Laurin Heinrich, นักแข่งจากนอร์เวย์ Dennis Olsen ผนึกกำลังกับนักแข่งจากโรงงาน Thomas Preining ชาวออสเตรีย ซึ่งทั้ง 3 นักแข่งนี้ยังลงแข่งในรายการ DTM ฤดูกาลปัจจุบัน ด้วยรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R รุ่นล่าสุดอีกด้วย ในส่วนของทีมแข่ง Dinamic GT Huber Racing ส่งนักแข่ง DTM อย่าง Ayhancan Güven (ตุรกี) และ Christian Engelhart (เยอรมนี) ลงสนามร่วมกับ Sven Müller (เยอรมนี) โดยทั้ง3นักแข่ง ได้ปฏิบัติภารกิจให้กับทีมแข่งสัญชาติอิตาลี-เยอรมนี ทั้งนี้ Güven และ Müller เป็นสองนักขับที่ก้าวขึ้นมาจากโครงการ Porsche Junior
ในรุ่น Pro-Am ทีม GMG Racing by Car Collection Motorsport ทีม Modena Motorsport และทีม Grove Racing จะส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R ลงสนามทีมละ 1 คัน ในคลาสนี้นักแข่งจำนวน 2 คนจะต้องได้รับการรับรองสถานะระดับ “Bronze” โดยต้องลงสนามในระยะเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และต้องขับรถแข่งอย่างน้อย 60 นาที ต่อการแข่งขันหนึ่งควอเตอร์สำหรับการแข่งขัน Silver Cup ทีม Dinamic GT Huber Racing ส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R ลงสนามจำนวน 1 คัน โดยที่นักแข่งทั้ง 4 คนจะต้องผ่านการรับรองจาก FIA ในระดับ “Silver” หรืออีกนัยหนึ่ง การแข่งขันในคลาสนี้เปรียบเสมือนการเตรียมตัวสำหรับเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับมืออาชีพ
การแข่งขันระดับ bronze ได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ ด้วยจำนวนรถแข่งถึง 25 คัน หรือมากกว่าจำนวน 1 ใน 3ของกริดสตาร์ท สำหรับรุ่นการแข่งขันนี้สามารถส่งนักแข่งลงสนามได้ถึง 4 คนต่อรถจำนวน 1คัน โดยมีนักแข่งในระดับ “platinum” ได้เพียง 1 คน และระดับ “silver” ไม่เกิน 2 คน และนักแข่งคนที่ 4 จะต้องอยู่ในระดับ “Bronze” เท่านั้น ทีมแข่งอิสระจากปอร์เช่ ไม่ว่าจะเป็นทีม Herberth Motorsport, ทีม Pure Rxcing, ทีม Huber Motorsport, ทีม Grove Racing, ทีม CLRT, ทีม Dinamic GT Huber Racing และทีม Parker racing ส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 R ลงสนามรวมทั้งหมด 7 คัน