รูปแบบของรถยนต์ในปัจจุบันมีความแตกต่างไปจากอดีต เราจึงเห็นรถรูปร่างแปลกตาเปิดตัวสู่ตลาดมากขึ้น เพื่อลดข้อจำกัดของรุ่นทำให้มีช่องทางในการขายมากขึ้น ในตลาดรถเอสยูวี ค่ายบีเอ็มดับเบิ้ลยู มีเอ็กซ์ 5 ทำตลาดอยู่แล้วตอนเปิดตัวเป็นที่ฮือฮามาก ในเมืองไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากยอดนำเข้าครั้งแรกขายได้หมดจนไม่เหลือไว้เป็นรถให้ทดลองขับ
แต่กำไรในการทำตลาดรถยนต์คือต้องผลิตอะไหล่ให้ได้เยอะๆ เพื่อต้นทุนจะได้ลดลง ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยู จึงได้ทำรถออกมาอีกรุ่นโดยใช้พื้นฐานร่วมกับเอ็กซ์ 5 นั่นก็คือ เอ็กซ์ 6 หากทำรถออกมาแล้วมีรูปทรงคล้ายกันคงจะขายไม่ออก เอ็กซ์ 6 จึงมาในรูปแบบของรถที่ใช้ครึ่งล่างของรถเอสยูวี เหมือนเอ็กซ์ 5 แต่เปลี่ยนฝาครอบด้านบนด้วยเส้นสายของรถคูเป้จึงได้รถเอสเอวีออกมา
เมื่อยังคงเป็นรถเอสยูวีตัวถังจึงยังคงสูงอยู่การลุยจึงทำได้พอสมควร การเข้าอกจากตัวรถจะลำบากนิดหน่อย ต้องก้มหัวหลบขอบประตู แต่ก่อนจะเข้าทำได้ง่ายกับการแตะด้านบนของมือจับประตูก็จะปลดล็อคให้ได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการบังคับของเส้นสายด้านบนของรถคูเป้ ทำได้ภายในไม่ได้กว้างนักเมื่อเทียบกับความใหญ่ของตัวถัง ที่มีความยาว 2,933 มม. โดยมีน้ำหนักตัวเปล่าที่ 2,150 กก.
พวกแผงคอนโซลใช้ร่วมกับเอ็กซ์ 5 แต่มีในส่วนของคอนโซลกลางที่ออกแบบให้แตกต่างออกไป โดยมีช่องวางแก้วซ่อนไว้ใต้ฝาเลื่อนเปิด – ปิด ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม ไอ-ไดร์ฟ ควบคุมการทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆแล้วแสดงผลบนหน้าจอ พวงมาลัย 3 ก้านมีปุ่มควบคุมติดตั้งมาให้ หลังพวงมาลัยก็จะมีก้านเปลี่ยนเกียร์โดยให้ด้านขวาเป็นลดเกียร์ ด้านซ้ายเพิ่มเกียร์ที่ให้ความรู้สึกขัดๆ หน่อยเวลาใช้งาน
จอมาตรวัดวงกลมมองเห็นได้ชัดเจน มีเข็มบอกอัตราบริโภคเวลาขับและมีจอแสดงผลระหว่างมาตรวัดเอาไว้เวลาดูข้อมูลต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าในระหว่างการขับอัตราบริโภคเท่าไหร่หรือขับได้อีกไกลแค่ไหน ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงแยกอออกมาต่างหากให้เสียงเบสที่หนักแน่นดี การควบคุมผ่านปุ่ม ไอ-ไดร์ฟ ได้ แต่จะไม่มีเสียงหากปุ่มกดยังคงยังอยู่ในตำแหน่งปิด
เบาะนั่งใช้หนังเนวาดาสีอิฐ สามารถปรับสูงต่ำ เดินหน้า ถอยหลังหรือปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้า เป็นเบาะหนังหนา ๆ แข็งสักหน่อย เบาะหลังสามารถปรับพนักพิงลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้
ห้องเก็บของด้านหลัง มีแผ่นปิดมิดชิด สามารถพับแผ่นปิดแบบ 3 ส่วนได้ ส่วนพื้นหลังเก็บของยังสามารถเปิดได้ ด้านล่างแทนที่จะเป็นยางอะไหล่นั้นไม่มีแล้วเพราะเอ็กซ์ 6 รุ่นนี้ ใช้ยางรันแฟล็ต วิ่งได้แม้ยางจะรั่วด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. จึงแปลงเป็นพื้นที่เก็บของได้อีกชั้นหนึ่ง
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ ดีเซลในรหัส เอ็น 57 กับเครื่องยนต์ วี 6 ทวินแคม 24 วาล์ว 2,993 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดคอมมอนเรล มีเทอร์โบแปรผันคอยช่วยอัดอากาศให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีรอบเครื่องยนต์ต่ำ การเดินทาง 100 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์ 1,500 รอบต่อนาที อัตราบริโภค จะประหยัดสุดแถวๆความเร็ว 90-100 กม./ชม. แต่เกินจากนั้นใช้ความเร็วไปจนถึง 140 กม./ชม อัตราบริโภคแทบจะไม่แตกต่างมากนัก
กดปุ่มบนคันเกียร์แล้วดึงลงล่างจะขับเคลื่อนไปข้างหน้า ผลักขึ้นบนจะเป็นถอยหลัง เวลาจอดก็กดตัวพีบนคันเกียร์ เวลาดึงเบรกมือก็แค่ดึงปุ่มเล็กๆ ตรงคอนโซลกลางเบาะ เวลาปลดก็ใช้แค่กดลงเท่านั้นเอง ช่วงออกตัวช้าหน่อยมีการรอรอบบ้าง เวลากดคันเร่งรถจะไม่พุ่งไปเร็วเหมือนโดนดึงเบรกมือเอาไว้ เป็นผลมาจากน้ำหนักตัวถังค่อนข้างเยอะ พอได้ความเร็วอัตราเร่งก็มาได้รวดเร็วต่อเนื่อง
การเดินทางด้วยความเร็ว 120 กับ 140 กม./ชม. อัตราบริโภคเฉลี่ย 11.1 กม./ลิตร ถือว่าทำได้ดีสำหรับรถตัวถังหนักๆ แบบนี้ อัตราเร่งแซงทำได้รวดเร็วทันใจ การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีกว่าตอนออกตัวเยอะ ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้แถวๆ 240 กม./ชม.เอ็กซ์ 6 เป็นภาพรวมของรถลุยที่เน้นการใช้งานบนถนน สามารถเรียกความเร็วออกมาใช้ได้ทันใจ แตกต่างไปจากเอสยูวีทั่วๆไป ด้วยรูปทรงที่แปลกตา เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความจำเจซ้ำแบบใคร