บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR เจเนอเรชั่นที่สาม ได้รับการพัฒนาในด้านสมรรถนะอย่างรอบด้าน สามารถทำความเร็วในสนามเอาชนะรุ่นก่อนหน้าได้ถึง 1 วินาที ทั้งยังมาพร้อมกับการออกแบบรูปโฉมและระบบต่าง ๆ ที่คำนึงถึงการใช้งานที่สะดวกสบายของผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมและการขับขี่สูงสุด ทั้งในชีวิตประจำวัน บนเส้นทางคดเคี้ยว หรือแม้กระทั่งบนสนามแข่ง โดยหลังจากที่เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทยไปเมื่อปี 2562 มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตระดับตำนานรุ่นนี้จะกลับมาสร้างความเร้าใจอีกครั้งในสีใหม่ Hockenheim Silver Metallic
ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบและเทคโนโลยี BMW ShiftCam สมรรถนะโดยรวมของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ จึงได้รับการยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง BMW ShiftCam มีส่วนสำคัญในการเสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ เสริมด้วยระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบท่อไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 1.3 กิโลกรัม นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน ยังส่งพละกำลังเพิ่มขึ้น 6 กิโลวัตต์ (8 แรงม้า) เป็น 152 กิโลวัตต์ (207 แรงม้า) ที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาทีช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่และการเร่งขณะขับขี่ที่ความเร็วต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังมีน้ำหนักเบาลงถึง 11 กิโลกรัม ลงจาก 208 กิโลกรัมในรุ่นก่อนหน้ามาอยู่ที่ 197 กิโลกรัม
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาลง และการออกแบบตัวรถให้ส่วนโครงสร้างรอบ ๆ เครื่องยนต์ช่วยรับน้ำหนักของชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ดังนั้น เฟรมของรถจึงได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่มากขึ้น และยังช่วยถ่ายโอนแรงกดจากน้ำหนักให้ส่งตรงไปที่โครงสร้างรอบเครื่องยนต์ในระยะทางที่สั้นที่สุด ส่วนการเคลื่อนที่ของรถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้นจากการผสานประสิทธิภาพระหว่างมิติรถ การกระจายน้ำหนักระหว่างล้อ และความสามารถในการรับน้ำหนักที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ชุด Full Floater Pro ที่ช่วยเสริมการเคลื่อนที่ในล้อหลังยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบช่วงล่าง ซึ่งด้วยการพัฒนาทั้งหมดนี้ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ สามารถนำเสนอการควบคุมรถและการยึดเกาะถนนที่แม่นยำยิ่งขึ้นในทุกสภาวะการขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังสามารถรองรับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง 4 รูปแบบการขับขี่พื้นฐาน ได้แก่ “Rain”, “Road”, “Dynamic” และ “Race” อีกทั้งยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบโปร ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมต่าง ๆ ให้ตรงกับรูปแบบการขับขี่เฉพาะตัว ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS Pro ระบบ Dynamic Traction Control อัตราเร่ง และการหน่วงกำลังเครื่องยนต์ ที่ปรับเปลี่ยนตามทักษะและรูปแบบในการขับขี่ นอกจากนี้ ระบบ Dynamic Damping Control (DDC) ยังได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ปรับค่าการสั่นสะเทือนให้เหมาะสมตามสภาพถนน
แผงหน้าปัดของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสไตล์ซูเปอร์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มการแสดงผลต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมจอแสดงผล TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ง่ายต่อการอ่านค่าในทุกสภาพแสง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลได้ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Pure Ride ซึ่งเน้นการแสดงผลการขับขี่ที่สำคัญ และ Core Ride ที่สามารถเลือกการแสดงผลค่าต่าง ๆ ได้อีก 3 รูปแบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกการแสดงผลที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลายได้ตามความต้องการ
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ยังมาพร้อมเฟรมตัวถังแบบใหม่ Flex Frame ที่ใช้พื้นที่บริเวณถังน้ำมันและเบาะนั่งน้อยลง จึงเพิ่มพื้นที่สำหรับการรองรับน้ำหนักและที่รองเข่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดสัมผัสระหว่างผู้ขับขี่และตัวรถยังได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกับองศาระหว่างผู้ขับขี่ มือจับทั้งสองข้าง เบาะนั่ง และที่พักเท้า เพื่อให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่วงท่าที่สบายที่สุดตามหลักการยศาสตร์ ไฟหน้า LED ตอกย้ำถึงความโฉบเฉี่ยวและความดุดันของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ดีไซน์ตัวถังใหม่สร้างความโดดเด่นสะดุดตาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยมาในสีใหม่ล่าสุด Hockenheim Silver Metallic เพิ่มเติมจากสีแดง Racing Redราคาจำหน่าย: 910,000 บาท สำหรับสี Hockenheim Silver Metallic (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)890,000 บาท สำหรับสี Racing Red (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)