ในปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมขึ้นมาที่ 51.2% ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรวมถึง 12,426 คัน ทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเซกเมนต์ดังกล่าวได้สำเร็จ นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมที่เติบโตขึ้นถึง 7.3% ยังนับเป็นสถิติอัตราการเติบโตสูงสุดในเครือข่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสองแบรนด์นับว่าเป็นผลงานที่แข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดรถยนต์นั่ง ซึ่งมียอดขายลดลงถึง 31% ส่วนทางบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาระดับยอดการส่งมอบไว้ได้ที่ 1,224 คัน ท่ามกลางความท้าทายครั้งประวัติศาสตร์นี้
การขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ยังคงเดินหน้าต่อไป เช่นเดียวกับในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง มินิ คูเปอร์ เอสอี ในปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยรถยนต์ PHEV อีกสี่รุ่นในตระกูลซีรีส์ 3 ซีรีส์ 7 X3 และ X5 ขณะที่เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow ก็มีจำนวนหัวจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 111 หัวจ่ายใน 67 จุดบริการทั่วประเทศ
ในด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถต้านทานแรงกดดันจากสภาพตลาดรถยนต์โดยรวม รวมถึงสถานการณ์ที่พลิกผันในห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยยอดการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรวมกว่า 32,052 คัน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 23,177 คัน ลดลง 10% และยอดประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดที่ 8,875 คัน เพิ่มขึ้น 43% ในปี 2563 ที่ผ่านมา ในด้านการส่งออกนั้น มีการส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24% โดยแบ่งเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 15,079 คัน เพิ่มขึ้น 3% และมีการส่งออกมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด กว่า 8,064 คัน เพิ่มขึ้นถึง 97% นับเป็นสถิติการส่งออกที่สูงที่สุดสำหรับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ การเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ ก็ทำให้โรงงานประกอบยานยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู ณ จังหวัดระยอง สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในประเทศได้ถึง 17 รุ่น โดยรวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 5 รุ่น และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อีก 9 รุ่น
ทางด้าน บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติใหม่ในหลายด้านตลอดปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะฉลองครบรอบ 20 ปีของบริษัทในปี 2564 นี้ โดยยอดสินเชื่อใหม่กว่า 16,770 ล้านบาทในปี 2563 นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ ยอดสินเชื่อรวมในพอร์ตของบริษัทจึงทะยานสู่หลัก 50,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่อีกเช่นกัน ส่วนโปรแกรมทางการเงินอย่าง Freedom Choice ที่มอบทางเลือกและอิสรภาพสูงสุดให้กับลูกค้า มีจำนวนสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ประสบการณ์และข้อเสนอในช่องทางดิจิทัลของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้ขยายตัวและเพิ่มความหลากหลายขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบของบริการค้นหารถยนต์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่สุด (Preference Finder) การสัมผัสรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 และ ซีรีส์ 3 แบบเสมือนจริงผ่านระบบ Augmented Reality และการร่วมนำเสนอบริการผ่านช่องทางออนไลน์ในงานมอเตอร์โชว์และมอเตอร์ เอ็กซ์โป กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย