การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2024 สนาม 18 รายการ PT Grand Prix of Thailand 2024 (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ไฮไลต์อยู่ที่การขับเคี่ยวเพื่อลุ้นแชมป์โลกพรีเมียร์คลาส โดยก่อนแข่ง “ฮอร์เก มาร์ติน” นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง มีคะแนนนำ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลก 2 สมัยชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เลอโนโว ทีม อยู่ทั้งสิ้น 22 คะแนน โดยก่อนแข่ง “เมนกรังด์ปรีซ์” มีฝนตกลงมาส่งผลให้ต้องประกาศเป็น “Wet Race” แข่งขันท่ามกลางผิวแทร็กเปียก ชิงชัยทั้งสิ้น 26 รอบสนาม
เริ่มเกมเป็น “มาร์ติน” ที่ออกนำได้ก่อนหลังผ่านโค้งแรก ตามด้วย “มาร์เกซ” และ “บันยาญ่า” ที่แม้จะพลาดในช่วงออกตัวแต่ก็สามารถกลับสู่ความเร็วที่ดีได้ ก่อนจะแชมป์โลกชาวอิตาเลียนจะขยับขึ้นเป็นหัวแถวได้ในรอบที่ 4 และปิดจ็อบคว้าชัยชนะไปครองได้สำเร็จด้วยเวลา 43 นาที 38.108 วินาที เหนือ “มาร์ติน” ในอันดับ 2 อยู่ 2.905 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “เปโดร อคอสต้า” นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล แกสแกส เทคทรี ที่มาไล่แซงช่วงท้ายอย่างสุดมันส์ ตามหลัง 3.8 วินาที ขณะที่อันดับ 4 และ 5 ตกเป็นของ “ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ” นักบิดอิตาเลียนจาก เปอร์ตามิน่า เอ็นดูโร วีอาร์46 ตามด้วย “แจ็ค มิลเลอร์” นักแข่งชาวออสเตรเลียนจาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ในอันดับ 5 ด้าน “มาร์ค มาร์เกซ” พลาดล้มที่โค้ง 8 ขณะลุ้นแซงบันยาญ่า ก่อนนำรถเข้าป้ายในอันดับ 11
การแข่งขันรอบ “เมนกรังด์ปรีซ์” ของศึก พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ มีขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนแข่งมีฝนตกลงมาส่งผลให้ต้องดวลกันในสภาพแทร็กเปียกตลอดทั้งเรซ โดย กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์แชมป์โลก 1 สมัย เจ้าของหมายเลข 20 ได้ออกตัวจากกริดที่ 6 ส่วน รินส์ ทีมเมทชาวสเแปนิช เจ้าของหมายเลข 42 เริ่มเกมจากกริดที่ 17 “เอล ดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเล็กซ์ รินส์ คู่หูนักบิด มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี สุดโชคร้ายในเรซที่มีลุ้นกลุ่มหน้า หลังโดนชนล้มในศึก โมโตจีพี 2024 สนาม 18 รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พลาดแต้มสำคัญอย่างน่าเสียดาย
ด้านผลการแข่งขันในรุ่น โมโตทู เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่แฟนชาวไทยลุ้นอย่างหนัก เมื่อ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ซูเปอร์สตาร์ชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างผลงานสุดประทับใจ ด้วยการออกตัวจากกริดที่ 13 ไล่แซงคว้าอันดับ 4 หลังมีธงแถงช่วง 2 รอบสุดท้าย หลังจากที่มีฝนตกลงมา ส่วนผู้ชนะได้แก่ “แอรอน คาเน็ต” นักบิดสแปนิชจาก ฟานติค เรซซิ่ง ด้วยเวลา 32 นาที 2.751 วินาที ตามด้วย “ไอ โอกูระ” นักบิดญี่ปุ่นจาก เอ็มที เฮลเม็ตส์ – เอ็มเอสไอ ในอันดับ 2 ตามหลัง 3.684 วินาที เพียงพอให้เขาคว้าแชมป์โลก โมโตทู ในฤดูกาลนี้ไปครอง ได้ฉลองอย่างยิ่งใหญ่กับแฟนชาวไทยที่ บุรีรัมย์ ขณะที่อันดับ 3 เรซนี้ ได้แก่ “มาร์กอส รามิเรซ” นักบิดสแปนิชจาก อเมริกันส์ เรซซิ่ง ตามหลัง 4.683 วินาที
โดยผลการแข่งขันในรุ่นเล็กอย่าง โมโตทรี ต้องมาตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย ชัยชนะตกเป็นของ “ดาวิด อลอนโซ” นักบิดโคลัมเบียนแชมป์โลกปีนี้จาก ซีเอฟ โมโต กาวิโอตา อัสพาร์ ทีม ด้วยเวลา 20 นาที 29.345 วินาที เฉือน “ลูก้า ลูเน็ตต้า” นักบิดอิตาเลียนจาก ซิค58 สควอดร้า คอร์เซ อันดับ 2 เพียง 0.353 วินาที ตามด้วย “คอลลิน วายเยอร์” นักบิดดัตช์จาก ลิควิ โมลี ฮัสควาน่า อินแท็ค จีพี ตามหลัง 0.522 วินาที ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทยจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ฟอร์มเยี่ยมสตาร์ตจากกริดที่ 25 บิดคว้าอันดับ 17 ตามหลังผู้ชนะ 17.262 วินาที