มร.สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของรอยัล เอนฟิลด์ กล่าวถึงกลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจในต่างประเทศว่า “เรานำความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียมาใช้กับต่างประเทศรวมทั้งประเทศไทย โดยแนวทางระยะยาวของเราก็คือการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางและทำให้ตลาดนี้เติบโตขึ้นในที่ที่เราจะดำเนินธุรกิจ เราใช้หลักการ Less is More-inch-wide และ Mile-deep approach หรือการมองในเชิงลึก โฟกัสไปที่การทำให้ตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเติบโตขึ้นด้วยมอเตอร์ไซค์ที่สวยงาม คลาสสิก เพื่อกลุ่มคนที่ชอบการขับขี่สำหรับความสนุกสนาน และการพักผ่อน รวมทั้ง ใช้ชื่อเสียงของแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์เป็นจุดขายผ่านสโตร์และการบริการที่ยอดเยี่ยมซึ่งสะท้อนความเป็นแบรนด์ออกมาให้เหมือนกันทั่วโลก บ่มเพาะจิตวิญญาณแห่งการขับขี่และสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ โดยไม่ได้มีจุดประสงค์สร้างรูปแบบหรือวิธีการขับขี่และจำนวนนักขี่ แต่เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการขับขี่ในประเทศนั้นๆ และร่วมมือกับนักคัสตอมรถทั่วโลก ขณะนี้เรามีสโตร์มากถึง 26 แห่ง และวางแผนที่จะขยายสโตร์ไปถึง 36 แห่งภายในเดือนมีนาคมปี 2564 ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิลด์มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในตลาดต่างประเทศในปีนี้ การเติบโตโดยรวมมีถึง 96% สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่สำคัญของรอยัล เอนฟิลด์ เรามุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาคนี้ โดยการขยายเครือข่ายโดยรวมเติบโตขึ้น 50% ในตลาดหลักทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น การเปิดสโตร์สำคัญในเมืองต่างๆ อาทิ สโตร์ในกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองหลักในประเทศไทย จาการ์ตาร์ในประเทศอินโดนีเซีย โซลในประเทศเกาหลีใต้ เมลเบิร์นในประเทศออสเตรเลีย โฮจิมินห์และฮานอยในประเทศเวียดนาม มะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์ และพนมเปญในประเทศกัมพูชา”
ด้าน มร.วิโนด เค ดาสารี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจระดับโลกว่า
“เป้าหมายของเราคือการก้าวสู่ระดับโลก ซึ่งหมายถึงการเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าจากทั่วโลก นอกจากฐานการผลิตหลักในอินเดียแล้ว ตอนนี้เรายังขยายตลาดไปยังทวีปยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เราเชื่อมั่นว่าความที่รอยัล เอนฟิลด์เป็นแบรนด์คลาสสิก บวกกับความเข้าใจในแบรนด์ และคุณภาพสินค้า จะสามารถพาแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ไปได้ไกล สหราชอาณาจักรถือเป็นบ้านเกิดของรอยัล เอนฟิลด์และเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเราในตอนนี้ ส่วนอาเซียนและลาตินอเมริกา คือตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพมากเพราะมีจำนวนผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์มากมาย มีความสนใจในการท่องเที่ยว ผจญภัย และการขับขี่เพื่อการพักผ่อน ในประเทศไทยได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เริ่มเข้ามา มอเตอร์ไซค์ของเราเป็นที่ชื่นชอบของนักขับขี่ในไทย สไตล์แบบอังกฤษ ความมีเอกลักษณ์ และง่ายต่อการปรับแต่งคือปัจจัยหลักที่ลูกค้าเลือกซื้อรอยัล เอนฟิลด์ในตลาดประเทศไทย ส่วนตลาดต่างประเทศเป็นตลาดที่รอยัล เอนฟิลด์ให้ความสำคัญเป็นหลักและมีผลการดำเนินงานที่ดีมาก กลยุทธ์การตลาดต่างประเทศประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปีงบประมาณ 2562 – 2563 ที่ผ่านมา ยอดขายในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 96% เอเชียแปซิฟิก เป็นภูมิภาคที่สำคัญของรอยัล เอนฟิลด์ ซึ่งมีการมุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาคนี้ โดยการขยายเครือข่ายโดยรวมเติบโตขึ้น 50% ในตลาดหลักทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น การเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในกรุงโซลประเทศเกาหลี ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิดล์ได้ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศมากกว่า 600 แห่ง ใน 60 ประเทศรวมถึงเอ็กซ์คลูซีฟสโตร์ 77 แห่ง ในเมืองสำคัญทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย มร.วิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ เปิดเผยว่า “รอยัล เอนฟิลด์เข้ามาในตลาดประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 เราดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หัวเมืองสำคัญ เพื่อเข้าถึงลูกค้าและเข้าใจวัฒนธรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย สโตร์แห่งแรกของรอยัล เอนฟิลด์ ตั้งอยู่ที่ทองหล่อ และขณะนี้เรามีสโตร์ทั้งหมด 26 แห่ง และภายในสิ้นปีงบประมาณ 2563 เราจะมีสโตร์ทั้งหมด 36 แห่งในประเทศไทย” มร.วิมัลกล่าวต่อไปว่า “แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดประเทศไทย ในปีแรกยอดขายอยู่ที่ 889 คัน และในปีที่ 4 ยอดขายโตขึ้นเป็น 3,146 คัน ขณะนี้เรามีผู้ขับขี่ รอยัล เอนฟิลด์ กว่า 7,000 คัน ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของเราอยู่ที่ 5.5% ในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (เครื่องยนต์ 250-750 ซีซี) ในประเทศไทย เรามียอดจอง 321 คัน ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ในขณะที่งานปีที่แล้วเรามียอดจองทั้งหมด 314 คัน นอกจากนี้ ในงานมอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิก 500 สเตลท์ แบล็ค สีใหม่ มาตรฐานไอเสียยูโร 4 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน สำหรับรุ่นที่ได้รับความนิยมที่มีการจองมาที่สุด คือรุ่น อินเตอร์เซปเตอร์ รองลงมาคือรุ่นคลาสสิก และหิมาลายัน สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดในประเทศไทยในปีต่อ ๆ ไป เรามีเป้าหมายหลักคือ การขยายตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง และเราก็เริ่มเห็นความสนใจของลูกค้าที่ต้องการจะอัพเกรดมาใช้มอเตอร์ไซค์ของเรา ในขณะเดียวกันรอยัล เอนฟิลด์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักขี่มอเตอร์ไซค์ที่นิยมเครื่องยนต์ซีซีสูง สำหรับแผนดำเนินงานของโรงงานประกอบหรือ CKD ในประเทศไทย ของเราจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณหน้า คือระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน ปี 2564 แน่นอนว่าเราเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมในความสำเร็จระดับภูมิภาคอาเซียน” มร.วิมัลกล่าว