รถ EV หรือชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่ายานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ในประเทศไทยกำลังมาแรงตลอดช่วงมอเตอร์โชว์แบบพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ จากความคุ้มค่าประหยัดตกเฉลี่ยกิโลเมตรละไม่ถึงบาท ท่ามกลางวิกฤตน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน และแบรนด์รถ EV หลายแบรนด์มาตั้งโรงงานในเมืองไทยทำราคาใหม่ถูกใจลูกค้าที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและสายรักษ์โลก สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการใช้รถ EV ของรัฐบาลปัจจุบันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หรือที่เรียกว่า BEV (Battery EV) ในประเทศไทย ถือเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยหากมีรถ BEV วิ่งอยู่ 100 คัน บนถนนทั้ง 10 ประเทศในอาเซียน “จะมีถึง 60 คัน” ที่วิ่งอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีรถ BEV ใหม่ประมาณ 10,000 คัน แต่คาดว่าปี 2566 นี้จะไม่ต่ำกว่า 40,000 คันเลยทีเดียว
ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า ปัญหาของผู้ใช้งานรถ EV ที่อาจพบเจอเวลาในเวลานี้ อย่างเช่น ที่ชาร์จเสีย หรืออาจจะมีคนจอดรถชาร์จอยู่ โดยที่แอปพลิเคชันไม่ได้แจ้งเตือน หัวชาร์จที่ไม่ตรงกับหัวชาร์จของรถ หรือบางครั้งเจอรถที่ชาร์จเต็มแล้วแต่เจ้าของรถไม่อยู่ ก็ต้องรอ รวมทั้งแท่นชาร์จหลายแห่งติดตั้งอยู่กลางแจ้ง ไม่มีหลังคา เหล่านี้คือปัญหาที่จะต้องเจอหากต้องชาร์จรถ EV จากสถานีชาร์จสาธารณะ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอีกไม่นานระบบ แอปพลิเคชัน และสถานีชาร์จ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
อีกเรื่องที่คนใช้งานรถ EV กังวลก็คือ แบตเตอรี่ที่เมื่อเกิดปัญหาอาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงมากหลายแสนบาท อย่างที่เราเห็นในข่าว ดังนั้นประกันภัยรถ BEV จึงแพงกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในค่อนข้างมาก บางครั้งหากมีปัญหาการขายรถทิ้งไปเลยยังคุ้มกว่าการซ่อมหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ ดังนั้นเจ้าของรถต้องระวังการขับขี่ที่อาจส่งผลต่อการเสียหายโดยตรงต่อแบตเตอรี่ ซึ่งส่วนมากติดตั้งอยู่ที่พื้นของห้องโดยสารรถ เช่น การครูดใต้ท้องรถ หรือการเกิดความเสียหายที่ด้านข้างรถอย่างแรง เป็นต้น
“ตอนนี้บุคลากรทางด้านรถ EV ในประเทศไทยยังมีน้อย ส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญแต่สาขาทางด้านยานยนต์แบบเดิม โดยเฉพาะระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่สำหรับรถ EV มีรูปแบบที่ต่างออกไปค่อนข้างมาก อย่างการดัดแปลงรถยนต์เครื่องสันดาปมาเป็นรถ EV ที่นิยมทำกันมากในต่างประเทศ ไม่ใช่แค่การยกเครื่องยนต์ออกแล้วใส่มอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น รวมทั้งการที่ไทยเป็นที่ตั้งฐานการผลิตรถ EV ตรงนี้ก็ทำให้มีความต้องการบุคลากรจำนวนมาก ภาคการศึกษาต้องเร่งสร้างบุคลากรให้ตอบโจทย์และรองรับเทรนด์นี้ให้ทัน ซึ่งการใช้รถ EV ในเมืองไทย เรียกได้ว่ายังมีโอกาสโตขึ้นอีกมาก” ดร.ชัยพร กล่าว