ดูคาติ ประเทศไทย เชิญเหล่าดูคาทิสต้าและไบค์เกอร์ เข้าชมไอเทมสุดเท่สไตล์การออกแบบของอิตาเลียนดีไซน์ ซึ่งทาง ดูคาติ ประเทศไทย นำมาเปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show 2022 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย มากถึง 6 รุ่น ด้วยกัน มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้า เต็มอิ่มทุกเซกเมนต์ ได้แก่ Panigale V4/V4S โฉมใหม่ปี 2022, Panigale V4 SP2, Streetfighter V2, Streetfighter V4 SP, Multistrada V2S และ Multistrada V4 Pikes Peak
นายดอม เหตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด กล่าวถึงความพิเศษของ Product Line Up 2022 ว่าเป็นการส่งต่อ DNA จากสนามแข่งสู่รุ่นต่างๆ พัฒนาเทคโนโลยี ความเร็ว ความปลอดภัย ผสมผสานกับความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Sport Naked ที่สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง เท่ได้ในทุกที่ โดยเฉพาะ Streetfighter V2 ซึ่งเป็นการสานต่อความสำเร็จจาก Streetfighter V4 ที่มีการออกแบบที่สวยงาม โดดเด่น และได้รับรางวัล “The most Beautiful’’ ในงาน Eicma เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา เครื่องยนต์ V2 ขนาด 955 ซีซี 153 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 101.4 นิวตันเมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที ขับขี่สนุกยิ่งขึ้น ราคาโดยประมาณการไม่เกิน 750,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี Streetfighter V4 SP “King of naked bike” ตกแต่งลวดลาย Winter Test จากรถแข่งในรายการระดับโลกอย่าง World Superbike (WSBK) เบาะนั่งหุ้มหนัง Alcantara ถังน้ำมันอลูมิเนียมโดดเด่นเฉพาะรุ่น SP ตัวเครื่องที่ถูกยกมาจาก Superleggera V4 พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงสุดเท่าที่ Ducati จะส่งมอบให้ได้ เช่น ชุดล้อคาร์บอน 5 ก้าน เบรก Brembo Stylema ซึ่งมีราคาประมาณการไม่เกิน 1.6 ล้านบาท
ในกลุ่ม Sport Touring จะมี Multistrada V2S พัฒนาจาก Multistrada 950 S ถูกนำมาต่อยอดและพัฒนาให้รถ Multistrada V2S โดยมีไอเดียการพัฒนามาจากความต้องการให้รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน สามารถขับขี่ได้ในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง ออกทริป มีความคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ Ducati Testastretta 2 สูบ L-Twin 937 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบวาล์วแบบ Desmodromic และTestastretta 11° ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 94 นิวตันเมตร ระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อมสลิปเปอร์ คลัทช์และเกียร์ยังถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย จากการปรับปรุงในส่วนต่างๆ ส่งผลให้ในภาพรวม Multistrada V2S มีน้ำหนักเบาลงถึง 5 กิโลกรัม เบาะออกแบบใหม่ให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ราคาโดยประมาณการไม่เกิน 750,000 บาท
ส่วนกลุ่ม Sport touring ภูมิใจนำเสนอ Multistrada V4 Pikes Peak สุดยอดรถ Sport touring ที่คว้ารางวัลการแข่งขัน Pikes Peak International Hill Climb หรือที่รู้จักในนาม The Race to the Clouds สู่ยอด Pikes Peak ในโคโลราโด สหรัฐอเมริกา และยังได้รับการการันตีจากสื่อมวลชนต่างประเทศมากมายว่า นี่คือรถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2022 จุดเด่นพิเศษล้อ Forged aluminium ขนาด 17 นิ้ว ของ Marchesini ยาง Pirelli Diablo Rosso IV กับสวิงอาร์มเดี่ยวพร้อมระบบกันสะเทือนแบบกึ่งแอ็คทีฟ Ohlins Smart EC 2.0 และโหมดการขับขี่แบบ Race Riding เครื่องยนต์ 170 แรงม้า สูงสุดของตระกูล Touring Adventure เสริมความมั่นใจทุกการขับขี่ด้วยดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 330 มิลลิเมตร พร้อมกับคาลิปเปอร์ Brembo Stylema โมโนบล็อก ด้านหลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 265 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Brembo เช่นกัน ลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก รถ MotoGP Desmosedici GP’21 มาพร้อมกับ Carbon fiber parts และกระจกบังลมข้างหน้า (Wind shield) ทรงสปอร์ตสี Smoked ท่อ Akrapovic ให้เสียงที่ดุดัน เร้าใจมากยิ่งขึ้น ราคาโดยประมาณการไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
ในกลุ่ม Superbike เริ่มกันที่ Panigale V4, V4S กับการ Upgrade Winglets สามารถสร้างแรงกดจาก Aerodynamics ได้ถึง 37 กิโลกรัม ในความเร็วที่ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ที่ถอดแบบมาจากรถแข่ง MotoGP ให้แรงม้าสูงสุด 215.5 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 123.6 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบ/นาที โช๊คหน้า Öhlins NPX 25/30 อัตราทดเกียร์ 1, 2 และ 6 ก็ถูกปรับอัตราทดเพิ่มขึ้น เพื่อให้การควบคุมอัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำทำได้ง่ายกว่าเดิม รวมถึงในช่วงความเร็วสูงด้วย
และสำหรับรุ่นพิเศษของเซกเมนต์ที่เป็นสุดยอดไฮไลท์ คือ Panigale V4 SP2 ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้มากที่สุดในตระกูล Panigale พิเศษทุกคันจะมาพร้อมกับ ชื่อรุ่น และ Number การผลิตของแต่ละคันไว้ที่กันสะบัด และขุมกำลัง Desmosedici Stradale V4 ขนาด 1,103 ซีซี ที่ใช้เทคโนโลยีการพัฒนามาจาก MotoGP ให้กำลังสูงสุด 215.5 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123.6 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบ/นาที และยังมีความเหนือกว่าด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ล้อคาร์บอนแบบ 5 ก้าน ที่จะเบากว่าขอบล้ออลูมิเนียมฟอร์ตที่ใช้งานบน V4S น้ำหนักตัวแบบมวลรวมของตัวรถ SP2 นั้นเบากว่า V4S ที่ปัจจุบันระบบเบรก Monobloc จาก Brembo รุ่น Stylema แม่ปั๊มเบรก MCS ใกล้เคียงกับชุดเบรกที่ใช้ในรถแข่ง WorldSBK คลัทช์แห้ง STM-EVO SBK โซ่ 520 น้ำหนักเบา พักเท้า Rizoma ระบบกันสะเทือนที่ยกชุดมาจากตัวแข่ง WorldSBK โช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร จาก Öhlins รุ่น NPX25/30 และชุดกันสะเทือนหลังแบบ Monoshock จาก Öhlins รุ่น TTX36 พร้อมระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ Smart EC 2.0 ราคาประมาณการไม่เกิน 1.7 ล้านบาท