ซูซูกิ เออติกาจะเป็นรถเอ็มพีวีหรือรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่งถูกพัฒนาโดยใช้พื้นฐานเดียวกันกับซูซูกิ สวิฟท์ เพื่อให้รถ 7 ที่นั่ง จึงมีการยืดฐานล้อให้ยาวขึ้น 415 ม. สำหรับที่นั่งเพิ่มอีก 1 แถว ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า การออกแบบจะเน้นการทรงตัวการยึดเกาะถนน จากการใช้เพลทฟอร์มที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน มีความกว้างและยาวของฐานล้อ ทำให้เข้าโค้งได้นิ่งควบคุมรถได้ง่าย
การเป็นรถ 7 ที่นั่งจะต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยภายใน ซึ่งรถขับเคลื่อนล้อหน้าสามารถออกแบบให้มีความกว้างขวางได้ เบาะนั่งก็สามารถปรับได้หลายรูปแบบเพื่อรองรับความหลากหลายในการใช้งาน สามารถปรับเบาะนั่งตามแบบและขนาดสัมภาระ จึงรองรับการเป็นรถครอบครัวที่ใช้งานทุกวันหรือเดินทางไกลได้ เพื่อความสบายในการขับขี่จึงมีเบาะที่ใช้วัสดุหนานุ่ม นั่งสบาย มีความหยุ่นรับกับสรีระของผู้นั่งรวมถึงความเย็นสบายทั่วทั้งคัน จากระบบปรับอากาศที่กระจายทั่วถึง
เบาะนั่งแต่ละแถวสามารถใช้งานได้ เป็นเบาะนั่งที่หนานุ่มนั่งสบาย เวลานั่งก็กระชับพอดี เดินทางไกลๆ ก็รู้สึกสบาย การเข้าออกของเบาะแต่ละแถวจะทำได้ง่าย แถว 3 จะใช้แบบสัมผัสเดียวในการดึงคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้ก็จะเอนตัวลง แล้วเลื่อนไปยังด้านหน้า จึงเข้าไปนั่งยังเบาะแถว 3 ได้อย่างสะดวก ระบบปรับปรับอากาศก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่รถเมืองร้อนต้องใช้ เออติกาเพิ่มแอร์ตอนหลังที่ติดไว้ตรงเพดาน สามารถกระจายความเย็นไปยังเบาะแถวสุดท้ายได้ทั่วถึง จะได้ไม่ต้องนั่งเหงื่อตกเหมือนรถที่มีแค่เพียงแอร์หน้าอย่างอย่างเดียว
เครื่องยนต์ K14B ในเออติกา มีความจุมากกว่า K 12B ในสวิฟท์แค่ 100 กว่าซีซี เป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผัน ความจุ 1373 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน – เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที สิ่งที่ต่างไปจากสวิฟท์คือระบบส่งกำลัง หากใช้เป็นเกียร์ซีวีทีรับรองว่าเหนื่อยเวลาเร่งแซง ยิ่งเป็นช่วงผู้โดยสารเต็มคันก็ไม่ต้องพูดถึง เออติกาจึงเปลี่ยนมาใช้เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะแทน
สำหรับเออติกา จะมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและออโต 4 สปีดให้เลือก แต่การนำรถมาให้ขับครั้งนี้จะมีแค่รุ่นเกียร์อัตโนมัติเพียงอย่างเดียว แต่ก็รู้สึกดีกับอัตราเร่งที่มาอย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ระยะทางเยอะ ในเรื่องของระบบรองรับหรือระบบกันสะเทือนจะใช้แม็คเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า ทอร์ชั่นบีมด้านหลัง ที่สามารถรับแรงกระแทกได้ดี ระดับความเร็ว 140-160 กม./ชม. ไม่มีปัญหาสำหรับการควบคุมรถทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมือง
อัตราเร่งช่วงออกตัวทำได้ดี รวมถึงการทำความเร็วก็มาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ถึงความยืดยาดแบบรถ 7 ที่นั่ง หากเทียบกับสวิฟท์เออติกาทำได้ดีกว่า เมื่อทำความเร็วถึง 118 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 3,000 รอบ/นาที ไม่สูงแบบเมื่อก่อนที่มักจะได้ความเร็วแค่ 100 กม./ชม. ที่ 3,000 รอบต่อนาที ในการใช้งานเกียร์สุดท้าย เวลาเร่งแซงจะช้าหน่อยจะต้องใช้การกดปุ่มโอเวอร์ไดรฟ์ออฟบนคันเกียร์ เพื่อให้เกียร์ลดลงจะเป็นเกียร์ 3 ก็จะได้อัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจขึ้น ในช่วงขากลับจากพัทยาเร่งรีบหน่อย จะใช้ความเร็วบางช่วงถึง 160 กม./ชม. อัตราบริโภคยังทำได้ 12 กม.เศษๆ ต่อลิตร
ด้วยตัวถังที่ยาว 4,265 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,685 มม. จึงเป็นตัวถังที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานแบบรถ 7 ที่นั่ง หากวางเบาะทั้ง 3 แถวก็จะเหลือพื้นที่เก็บของไม่มากนัก เวลามีสัมภาระเยอะจึงต้องใช้การพับเบาะช่วยซึ่งจะพับได้ถึง 6 แบบ
แบบแรกคือยกเบาะขึ้นทั้ง 3 แถวเพื่อรองรับผู้โดยสาร 7 คน เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือมีลูกที่ชอบยึดเบาะคนละแถวไว้นอน เมื่อต้องการพื้นที่พิเศษสำหรับวางในโน้ตบุ๊ค ก็ใช้การพับเบาะแถวกลางลงมาก็ได้โต๊ะสำหรับวางได้ทันที เวลามีสัมภาระเยอะๆ ก็ใช้การพับเบาะหลัง ก็จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มสำหรับการเดินทางของผู้โดยสาร 5 คนที่นั่งได้สบายๆ แต่ก็มีสัมภาระยาวๆ ก็จะใช้การพับเบาะแถวกลางเพิ่มจะเป็นด้านซ้ายหรือขวาก็ได้ ส่วนสัมภาระใหญ่จริงๆ ก็จะใช้การพับเบาะแถวกลางทั้งสองด้านเป็นระนาบก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระอย่างเต็มที่