บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำทัพรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น เข้าร่วมประชันโฉมภายในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ซึ่งมีดาวเด่นเป็นสุดยอดรถจักรยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต โมเดลใหม่ล่าสุด Ninja ZX-4R จอดท้าทายสายตาผู้เข้าร่วมงาน และอีกหนึ่งไฮไลท์กับรถจักรยานยนต์สปอร์ตครุยเชอร์ใหม่ Eliminator ขนาด 400cc. รวมถึง Versys650 ปรับโฉมใหม่เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อยามขับขี่ นอกจากนี้คาวาซากิยังยกทัพยนตรกรรมอีกหลากหลายรุ่น ที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน และสะท้อนภาพลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของนวัตกรรม ตลอดจนการพัฒนาอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในฐานะแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
คุณเจนจิรา สุวรรณสิงห์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คาวาซากิเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์คาวาซากิเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งถือเป็นรถจักรยานยนต์ที่คนไทยชื่นชอบและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คาวาซากิจึงวางแผนการจัดกิจกรรมการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าคาวาซากิ และเติมเต็มความสนุกสนานในการขับขี่”
ด้วยตำแหน่งทางการตลาดที่วางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ Ninja ZX-4R คันนี้ คือเวอร์ชั่นรถจักรยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตขนาด 400 ซีซี ที่ให้ความเร้าใจที่ยากจะหาคู่เปรียบเทียบได้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของ Ninja ZX-4R เป็นกุญแจสำคัญของความสนุกสนานในการขับขี่รถรุ่นนี้ ที่ได้ส่งผ่านประสิทธิภาพที่บดบัง รถรุ่นอื่นในคลาส 400cc ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 55kW (75PS) และมี Redline ที่สูงกว่า 15,000 รอบต่อนาที ทำลายทุกขีดจำกัด
ส่วนควบคุมอิเล็กทรอนิคส์ECU ใช้พื้นฐานเดียวกับ Z H2 รุ่นเรือธงของคาวาซากิ ทั้งเกรี้ยวกราดและดุดัน โดยมี ETV (Electronics Throttle Valves) ที่มีขนาดใหญ่ถึง ø34 mm ที่ทำให้ตอบสนองการบิดคันเร่งอย่างดีเยี่ยม และทำให้ง่ายต่อการทำงานในส่วนของระบบต่างๆ ภายในรถจักรยานยนต์รุ่นนี้เช่น KTRC, การเลือกโหมดการขับขี่ และการใช้งานควิกชิพเตอร์ (ในรุ่น SE)เสียงอันเร้าใจของเครื่องยนต์ Ninja ZX-4R มาจากท่อไอเสียที่ได้แรงบันดาลใจจาก Ninja ZX-6R เพื่อให้ได้กำลังสูงสุดและเสียงเร้าใจ ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย
แรมแอร์ที่อยู่ตรงกลางเป็นฟีเจอร์ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโมเดล Ninja ZX โดยช่องทางเดินอากาศของ Ninja ZX-4R ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับ Ninja H2 ซึ่ง Know-how นี้จะเพิ่มอัตราการไหลของอากาศและเพิ่มความดันอากาศทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นทุกความเร็วรอบ ทั้งยังออกแบบมาให้ป้องกันน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ในการขับขี่ในขณะฝนตกด้วย
ระบบกันสะเทือน High-Grade Suspension SFF-BP (Separate Function Fork – Big Piston) Horizontal Back-link Rear Suspension ระบบรองรับน้ำหนักด้านหน้าถูกติดตั้งมาเป็นระบบ SFF-BP ของ SHOWA ทำให้ Ninja ZX-4R สามารถขับขี่ได้ทั้งในสนามแข่งและรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในส่วนของโช้คอัพหลัง เป็นแบบ Horizontal Back-Link ที่ออกแบบมาจาก Ninja ZX-10R (ในรุ่น SE สามารถปรับ Preload ที่โช้คอัพหน้าได้)
เรือนไมล์ TFT Colour Instrumentation with Circuit Mode หน้าจอ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกโหมดได้ (Normal, Circuit) ตัวหน้าจอจะแสดงผล ความเร็ว รอบเครื่อง ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ ไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ เกจวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง เกจบอกระยะทาง อุณภูมิน้ำหล่อเย็น นาฬิกา แบตเตอรี เวลาต่อรอบ เตือนการเข้ารับบริการ โหลดการขับขี่ ควิกชิพเตอร์ และอื่นๆ
สร้างประสบการณ์ใหม่ในการควบคุมฟังชั่นค์ต่างๆ ผ่านระบบ Smartphone Connectivity โดยหน้าจอ TFT มี Built in Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผู้ใช้รถโดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “RIDEOLOGY” ซึ่งมีฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลรถ และตั้งค่าการขับขี่ต่างๆ ผ่านโทรศัพท์ได้เลย ทำให้ Ninja ZX-4R สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น รองรับสมรรถนะสไตล์สปอร์ตที่มีพิษสงรอบตัวยิ่งกว่ารุ่นใดๆ ในคลาส 400cc ทุกรุ่นNinja ZX-4R ราคา320,000 บาทNinja ZX-4R SE ราคา360,000 บาท