นวัตกรรรมยานยนต์ยุคดิจิทัลคอนติเนนทอลมีการนำเสนอแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ คือ การขับเคลื่อนอัตโนมัติและความปลอดภัย (Autonomous Mobility and Safety) และ เครือข่ายและการเชื่อมต่อข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Networking and Information) โดยในส่วนแรกมีการนำเสนอเทคโนโลยี Cruising Chauffeur ที่จะเข้าควบคุมการขับขี่ทั้งหมดจากคนขับในขณะที่อยู่บนทางด่วน และเมื่อใกล้สิ้นสุดทางด่วนจะมีการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น การส่งเสียง กระพริบไฟ ไปจนถึงการสั่นเบาะ เพื่อให้คนขับรับช่วงการขับขี่ต่อบนทางปกติ ซึ่งหากคนขับไม่มีการตอบสนอง รถก็จะหาทางเข้าจอดในบริเวณจอดรถฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย
เทคโนโลยีต่อมาที่ทำให้คนขับไม่ต้องเสียเวลาในการจอดรถอีกต่อไป คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า Valet Parking แค่คนขับลงจากรถตรงจุดส่งรถ จากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรถในการขับผ่านไม้กั้น และวนเข้าไปหาที่จอดและจอดรถอัตโนมัติอย่างแม่นยำแม้ในพื้นที่แคบ และยังสามารถขับกลับไปหาคนขับ ณ จุดส่งรถโดยอัตโนมัติได้เมื่อมีการกดปุ่มเรียกรถจากแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความอัจฉริยะในระบบเครือข่ายและการเชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ คอนติเนนทอลก็ได้มีการนำเสนอ CoSmAซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระหว่างยานพาหนะเข้ากับโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้เราสามารถสื่อสาร สั่งการ รวมถึงเฝ้าดูรถได้จากโทรศัพท์มือถือ
ในส่วนของเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร คอนติเนนทอลได้กล่าวถึงหน้าจอสามมิติที่ดูเป็นธรรมชาติด้วยเทคโนโลยี Lightfieldซึ่งเป็นมิติใหม่ของระบบ 3 มิติที่ทำให้ผู้โดยสารทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และคนขับได้สัมผัสประสบการณ์ 3 มิติโดยไม่ต้องใส่แว่น และไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่อีกด้วย และสิ่งขาดไม่ได้เลยในนวัตกรรมยานต์นั้นก็คือ ระบบเทเลเมติกส์ ที่เป็นการเชื่อมต่อยานพาหนะทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ เข้ากับคลื่นสัญญาณ 5G ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการนำยานพาหนะเข้าสู่โลกแห่งการขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังคลายความกังวลในด้านความปลอดภัยทั้งกับตัวรถและผู้ใช้รถ รวมไปถึงการเข้าถึงความบันเทิงและการอัปเดตแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่นำเสนอมาเกือบทั้งหมดจากคอนติเนนทอลนั้น ได้มีการนำเอามาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Volkswagen ID.3 เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์รถยนต์ที่เป็นนวัตกรรมอันล้ำหน้าจากคอนติเนนทอลได้อย่างสมบูรณ์แบบ