คอนติเนนทอลได้พัฒนาระบบควบคุมเบรกอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ Bugatti Bolide ไฮเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (TCS) โดยใช้เทคโนโลยีชุดระบบเบรกมอเตอร์สปอร์ตจาก Continental Engineering Services โดยระบบนี้ทำให้นักแข่งรถสามารถควบคุมรถแข่งที่มีกำลัง 1,600 แรงม้าได้อย่างยอดเยี่ยม Bugatti Bolide เป็นรถแข่งที่มีพลังมหาศาลจากผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับสนามแข่งและได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสนามแข่งเท่านั้น เริ่มต้นจากการเป็นแนวคิดรถยนต์ที่มีพื้นฐานมาจากรุ่น Bugatti Chiron ซึ่งปัจจุบันกำลังผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 40 คัน โดยการส่งมอบรถคันแรกคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้
Continental Engineering Services นำประสบการณ์หลายปีจากการทำงานร่วมกับ Bugatti และในด้านมอเตอร์สปอร์ตมาช่วยพัฒนาโครงการนี้ โดยเคยพัฒนาระบบควบคุมเบรกสำหรับไฮเปอร์คาร์รุ่น Veyron และ Chiron มาแล้ว (โดยที่ Bolide ใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์ม Chiron) นอกจากนี้ Continental Engineering Services ยังให้บริการเทคโนโลยีชุดระบบเบรกมอเตอร์สปอร์ตเป็นพื้นฐานสำหรับลูกค้ามอเตอร์สปอร์ต ปัจจุบันได้มีการปรับแต่งและเสริมฟังก์ชันใหม่ๆเพื่อรองรับ Bugatti Bolide โดยเฉพาะ
ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ ทีมงานมอเตอร์สปอร์ตของ Continental Engineering Services ได้เผชิญกับความท้าทายในการสร้างรถยนต์ที่มีพลวัตการขับขี่ที่โดดเด่นโดยผู้ขับทุกคนสามารถควบคุมได้ แรงเร่งและแรงเบรกต้องได้รับการจัดการอย่างแม่นยำเพื่อให้การบังคับพวงมาลัยและการควบคุมรถเป็นไปอย่างปลอดภัย แม้ว่ารถจะมีกำลังถึง 1,600 แรงม้า ระบบควบคุมพลศาสตร์ของรถทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนจะควบคุมการส่งออกกำลัง 1,600 แรงม้าเพื่อให้ได้แรงผลักดันสูงสุดในทุกสถานการณ์ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) จะรับประกันการเบรกให้ดีที่สุดไม่ว่าจะสภาพภายนอกจะเป็นอย่างไร ขณะที่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) จะช่วยรักษาเสถียรภาพของรถแม้ในช่วงการขับขี่ที่ซับซ้อน
รถยนต์พิเศษประเภทนี้ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานในสนามแข่งเท่านั้นและต้องสามารถตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถมืออาชีพในขณะเดียวกันก็ต้องมีความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการพัฒนาระบบควบคุมเบรกที่สามารถเปิดและปิดการใช้งานฟังก์ชันการควบคุมพลศาสตร์ของการขับขี่แต่ละตัวตามความจำเป็น หนึ่งในข้อดีของการพัฒนาครั้งนี้คือการมีวิศวกรจาก Continental Engineering Services ที่เป็นนักแข่งรถมืออาชีพและมีใบอนุญาตการแข่งรถซึ่งได้ร่วมงานกับนักขับจากโรงงานผู้ผลิตเพื่อช่วยปรับแต่งระบบควบคุมให้เหมาะสมกับการใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะ
ระบบควบคุมเบรกของ Bolide มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 5 โหมด สำหรับระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (TCS) โหมดเหล่านี้มีตั้งแต่โหมดการแข่งรถ ไปจนถึงการเปิดใช้งานฟังก์ชันการควบคุมพลศาสตร์ของการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไป และการใช้ระบบช่วยเหลือจากอิเล็กทรอนิกส์อย่างครอบคลุม ลักษณะการขับขี่สามารถปรับได้โดยตรงที่พวงมาลัยซึ่งขึ้นอยู่กับเส้นทาง สภาพอากาศ และสถานะของยาง หากมีการปรับสมดุลของเบรกระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง ระบบที่ยืดหยุ่นของ Continental Engineering Services จะทำการจัดการการเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น ทำให้การเบรกมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่ยางรถเย็นลงหรืออุ่นขึ้นหลังจากการขับขี่หลายรอบในสนามแข่ง
การเบรกของรถสปอร์ตที่มีน้ำหนัก 1,600 กิโลกรัมทำให้เกิดการชะลอความเร็วได้ถึง 2.5 จี ซึ่งมากกว่าการชะลอความเร็วสูงสุดของรถทั่วไปที่วิ่งบนถนนถึงสองเท่า แรงกดอากาศจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูงยังต้องถูกนำมาพิจารณาในกลยุทธ์การควบคุมของระบบเบรกมอเตอร์สปอร์ตของ Continental Engineering Services โดยรถที่มีความเร็ว 380 กม./ชม. จะเพิ่มภาระให้กับล้อมากกว่าระดับสองเท่าเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงเช่นเดียวกับเมื่อรถจอดนิ่ง เพื่อให้สามารถรองรับข้อกำหนดเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญจาก Continental Engineering Services จึงปรับแต่งและขยายซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) โดยอัลกอริทึมของฟังก์ชันการควบคุมได้รับการแก้ไขเพื่อควบคุมพลวัตของ Bolide ระบบจึงสามารถพัฒนาประสิทธิภาพอย่างเต็มที่เมื่อทำงานร่วมกับส่วนประกอบมอเตอร์สปอร์ต เช่น ระบบเบรกคาร์บอน-คาร์บอน และยางสปีดพิเศษสำหรับการวิ่งระยะยาว ระบบควบคุมเบรกสามารถควบคุมไฮเปอร์คาร์ 1,600 แรงม้าให้ขับผ่านโค้งทางแคบได้อย่างปลอดภัยและควบคุมแรงดันเบรกได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะขับด้วยความเร็วสูงสุด 380 กม./ชม. ความเร็วจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการพัฒนาระบบ Continental Engineering Services สามารถพัฒนาระบบควบคุมเบรกนี้ได้ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี ตั้งแต่การประชุมครั้งแรกจนถึงการทดสอบขับขี่ขั้นสุดท้าย