คอนติเนนทอลได้ใช้แผนงานด้านความยั่งยืนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่มาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมระดับโลกที่จะให้ธุรกิจรถยนต์ รถประจำทางและยานพาหนะอื่นๆที่ปลอดมลพิษทั่วโลกมีค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนต้นน้ำไปจนถึงกระบวนการผลิต ตลอดจนการรีไซเคิลเมื่อหมดอายุการใช้งาน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คอนติเนนทอลตอกย้ำการเติบโตในตลาดการขับเคลื่อนไร้มลพิษอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งการริเริ่มยานพาหนะปราศจากก๊าซคาร์บอนเป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนแรกจากขั้นตอนทั้งหมดของโครงการเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ 100 เปอร์เซ็น และให้การขับเคลื่อนปลอดมลพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและห่วงโซ่มูลค่าอย่างมีความรับผิดชอบเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้ภายในปี 2593
กำหนดเป้าหมายความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนในอนาคต
โครงการไร้ก๊าซคาร์บอนเพื่อยานยนต์ปลอดมลพิษของคอนติเนนทอลเป็นการเชื่อมช่องว่างระหว่างการขับเคลื่อนปลอดมลพิษและการลดก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ ซึ่งเป็นสองสิ่งที่สัมพันธ์กัน โดยที่การขับเคลื่อนปลอดมลพิษด้วยยานพาหนะที่ท่อไอเสียไร้ควันพิษ ควรจะต้องรวมถึงการขับเคลื่อนที่ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วย Dr. Steffen Schwartz-Höfler หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของคอนติเนนทอลกล่าวว่า “เส้นทางสู่การขับเคลื่อนที่ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นเหมือนการรวมกันของการวิ่งระยะสั้นด้วยการทำให้ยานยนต์ปลอดมลพิษทั่วโลกปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการวิ่งมาราธอนด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับตลาดการขับเคลื่อนปลอดมลพิษที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต”
โปรแกรมต่างๆ ที่เป็นกลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศของคอนติเนนทอลมีดังนี้
1) พ.ศ. 2563 ไฟฟ้าทั้งหมดในบริษัทมาจากพลังงานหมุนเวียน
2) พ.ศ. 2583 กระบวนการในการผลิตทั้งหมดจะมีคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์
3) พ.ศ. 2593 คอนติเนนทอลตั้งเป้าที่จะให้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในทุกๆธุรกิจ จากห่วงโซ่คุณค่าหนึ่งไปสู่อื่นๆ
โดยเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของคอนติเนนทอลนั้นได้รับการยืนยันจากองค์กรพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) อย่างเป็นทางการแล้วว่าสอดคล้องกับข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของปารีส เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของปารีสจำเป็นจะต้องมีสองสิ่ง นั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงไปสู่การขับเคลื่อนปลอดมลพิษและธุรกิจที่ปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยสิ้นเชิง
การศึกษาด้านการขับเคลื่อนส่งเสริมความสำคัญของการยอมรับโครงการขับเคลื่อนไฟฟ้า
การศึกษาด้านการขับเคลื่อนของคอนติเนนทอลล่าสุดยืนยันได้ว่าการขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ปลอดมลพิษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ายอดการจองในประเทศเยอรมนียังคงชะลอตัวแต่แนวโน้มก็ยังคงมีต่อไป โดยประชาชนจากหนึ่งในสามยังมีความคิดที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และในประเทศจีนซึ้งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดก็มีจำนวนประชาชนมากถึงร้อยละ 86 ที่สนใจ อย่างไรก็ตามคำวิจารณ์เกี่ยวกับการขับขี่แบบไร้มลพิษทำให้เกิดข้อเท็จจริงว่ากระบวนการผลิตชิ้นส่วนรถเองนั้นก็ไม่ได้มีค่าคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ จึงทำให้เป็นเหตุว่าประชาชนหนึ่งในสามของประเทศเยอรมนีไม่สนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จากข้อกังขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับหนึ่งส่วนสีของชาวฝรั่งเศส ซึ่งแตกต่างกับสถานการณ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญีปุ่นและจีน ที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าเพียงแค่ร้อยละ 11 ในสหรัฐอเมริกา และต่ำสุดเพียงร้อยละหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น คอนติเนนทอลจึงพยายามผลักดันยอดการจองรถด้วยโครงการไร้ก๊าซคาร์บอนเพื่อยานยนต์ปลอดมลพิษ
ขั้นแรกที่สำคัญ: การทำให้ผลผลิตมี CO2 เป็นศูนย์สู่ “การปราศจากมลพิษ”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไร้ก๊าซคาร์บอนเพื่อยานยนต์ปลอดมลพิษ ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับยานพาหนะปลอดมลพิษ อย่างเช่นรถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึง ระบบขนส่งเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและรถราง จะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างสิ้นเชิงในปี 2565 เป็นต้นไป โดยการปลอดมลพิษตั้งแต่ขั้นตอนแรก ด้วยเหตุนี้มลพิษที่เกิดจากกระบวนการผลิตและการรีไซเคิลก็จะหมดไปเช่นกัน การปรับสภาพส่วนใหญ่มาจากการปลูกต้นไม้หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูระบบนิเวศ ซึ่งจะมีการประเมินว่าวิธีใดจะนำไปสู่ความเป็นคาร์บอนสุทธิเท่ากับศูนย์ ด้วยการคำนวณค่า CO2 ในรายงานความยั่งยืนและรายงานประจำปีล่าสุด โดยจะมีคัดสรรผู้ที่เข้ามาดำเนินโครงการนี้ในปีหน้า