สำหรับรถโตโยต้าเอฟเจ ครุยเซอร์นั้นเป็นรถที่ออกแบบมาให้เป็นรถเอสยูวี ที่มีความแข็งแรงรองรับการลุยแบบสมบุกสมบันได้ ซึ่งในรถสไตล์นี้ เอฟเจครุยเซอร์ เป็นเรือธงจากค่ายโตโยต้าที่ออกกมาขายตั้งแต่ปี 2003 เป็นการต่อยอดจากโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ ต้นตระกูลของเอฟเจ ครุยเซอร์ จะเป็นเอฟเจ 40 ที่ผลิตขึ้นมาในปี 1960 เพื่อใช้ในการสงคราม ขนส่งทหารญี่ปุ่น พอถึงปี 2003 รถต้นแบบของเอฟเจก็ได้เผยโฉมในงานโชว์รถของอเมริกาและผลิตขายจริงในอีก 3 ปีต่อมา
หน้าตาของเอฟเจ ครุยเซอร์จะต่างไปจากแลนด์ครุยเซอร์เยอะ เพื่อให้เป็นรถลุยจึงออกแบบชุดโคมไฟหน้าธรรมดาเป็นโคมกลมใช้หลอดฮาโลเจนต่อด้วยเส้นโค้งของไฟเลี้ยวที่มองเห็นได้ง่าย ด้านหน้าจะไม่ใหญ่มาก เพื่อความคล่องตัวจึงต้องทำบังโคลนแบนๆยื่นออกมา กันชนหน้าสีดำพร้อมแผ่นป้องกันกระแทกใต้ท้องรถทำจากวัสดุพิเศษ เพื่อความทนทานเมื่อต้องกระแทกกระทั้นกับสิ่งกีดขวางเวลาลุยและทำหน้าที่ปล่อยกระแสลมลอดผ่านใต้ท้องรถได้รวดเร็วด้วย
ถึงจะมีตัวถังขนาดใหญ่ แต่ประตูเปิดได้ไม่ต่างไปจากรถกระบะแค็บ โดยการเปิดประตูหลักก่อนแล้วถึงจะเปิดประตูหลังจากภายในได้ การขึ้นลงก็ยังทำได้สะดวกเมื่อไม่มีเสากลางมาเกะกะ ตัวถังของเอฟเจ ครุยเซอร์ยาว 4.6 เมตรสูง 1.8 เมตร และกว้าง 1.9 เมตร แต่ก็คล่องตัวในป่าคอนกรีตด้วยวงเลี้ยวแคบ
จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือการใช้หลังคาสีขาวตัดกันดีกับสีฟ้าของตัวถัง ด้านหลังจะมียางอะไหล่ติดมาให้ จึงต้องออกแบบก้านปัดน้ำฝนโค้งงอเพื่อไม่ให้เกะกะตรงกันชนหลังจะเว้าตรงกลางเอาไว้เป็นบันไดก้าวขึ้น เมื่อเปิดฝาท้ายออกด้านข้างสำหรับการจัดวางสัมภาระได้อย่างสะดวก
สำหรับเอฟเจครุยเซอร์รุ่นนี้จะมีการปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย ด้วยเครื่องเสียงและพนักพิงศีรษะ ด้านหลังพับได้ นับจากเอฟเจ ครุยเซอร์ออกมามันก็ไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนมากนักยังคงเน้นความคล่องตัว ความสะดวกสบายและการจัดการเกี่ยวกับสิ่งสกปรกได้ง่ายในสไตล์รถลุย
อัตราเร่งมาอย่างนุ่มนวลในสไตล์รถเบนซิน ด้วยการวางเครื่องยนต์ด้วยรหัส 1GR ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ V6ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ ให้กำลังสูงสุด 260 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 271 ฟุต-ปอนด์ที่ 4400 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่รอบเครื่องจึงต่ำ ความเร็ว 100กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์แถวๆ 1700 รอบต่อนาทีเท่านั้น อัตราเร่งมาอย่างนุ่มนวล แล้วจะไหลต่อเนื่องขึ้นไปเรื่อยๆ อัตราบริโภคค่อนข้างดุดันไปหน่อย
ระบบขับเคลื่อนสามารถเลือกได้ มีเกียร์เลือกขับเคลื่อนติดมาให้ ช่วยเพิ่มความทนทานกับคันเกียร์ขับเคลื่อนที่ไม่ใช่ปุ่มกด ความเร็วบนหน้าปัดมีมาให้แค่ 180 กม./ชม. คงจะไม่เน้นความเร็วสูงมากสำหรับรถสไตล์นี้
ความไฮเทคไม่ได้ใส่ใจเราจึงเห็นกุญแจธรรมดาแบบไขเปิด แต่จะเป็นแบบล็อคทั้งหมด เข้าไปนั่งด้านในจะเห็นแผงคอนโซลแบนๆไม่กินพื้นที่ มีอุปกรณ์มาให้แบบรถลุย เพิ่มสีน้ำเงินเข้าไปให้ในบางจุด ซึ่งเป็นการออกแบบให้ดูแข็งแรง มั่นคง พร้อมระบบเสริมความปลอดภัย ตรงหน้าปัดจะมีลูกเล่น ในส่วนของเกจ์วัดความดันของลมยาง รมไปถึงองศาของตัวรถที่ทำมุมกับถนน รวมไปถึงอุณหภูมิภายในและภายนอกของล้อรถยนต์ พร้อมช่องจ่ายไฟที่มีมากถึง 400 วัตต์เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ
เพื่อให้ลุยได้อย่างมั่นใจการออกแบบเสากลางจะมีขนาดใหญ่ แต่จะบดบังการมองไปบ้าง การเข้าไปยังเบาะหลังอาจจะไม่สะดวกเหมือนแลนด์ลุยเซอร์ รวมถึงการพับพนักพิงลงมาได้อย่างเล็กน้อยไม่นอนราบกับพื้น
ระบบกันสะเทือนจะค่อนข้างนิ่มทั้งๆที่เลือกใช้โช้คอัพของ Bilstein ด้านหน้าจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโครงด้านหลังเป็นโช้คอัพคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ ด้านหน้าแบบ 4 ลูกสูบพร้อมครีบระบายความร้อนจานเบรก ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรก 2 ลูกสูบ เรื่องระบบเบรกนั้นไว้ใจได้กับระยะเบรกสั้นได้
ระบบต่างๆที่ใส่มาให้ในรถรุ่นนี้ จะมีระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และ Brake Assist รวมไปถึงระบบควบคุมการทรงตัวVSC ขณะที่ระบบของรถออฟโรดที่ขาดไม่ได้คือ A-TRAC เพื่อลดอุปสรรคในการตกหล่มของล้อหรือวิ่งบนสภาพถนนที่มีโขดหินได้ง่ายขึ้นเหมือนกับขับอยู่บนถนนคอนกรีต
เอฟเจ ครุยเซอร์ อาจจะไม่โดดเด่นมากเมื่อยู่บนถนนคอนกรีต แต่จะแสดงสมรรถนะได้เต็มเปี่ยมเมื่ออยู่บนเส้นทางของออฟโรด หากใครอยากได้รถลุยแบบหรูๆ รถคันนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง