ในการประชุมสุดยอดระดับโลกด้านการสัญจรอย่างยั่งยืน ‘มูฟวิ่ง ออน’ ประจำปี 2564 มิชลินยังได้เผยโฉมยางรถแข่งซึ่งผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืนถึง 46% โดยติดตั้งมากับรถแข่งต้นแบบ GreenGT Mission H24 ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับการแข่งขันประเภท ‘เอ็นดูรานซ์ เรซซิ่ง’ (Endurance Racing) ด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่พัฒนาขึ้นสำหรับกีฬามอเตอร์สปอร์ตโดยเฉพาะ มิชลินค้นพบวิธีผลิตยางรถยนต์จากวัสดุที่มีความยั่งยืนสูง โดยยังคงให้สมรรถนะบนสนามแข่งที่เหนือกว่า
สัดส่วนการใช้วัสดุที่ยั่งยืนในระดับสูงเป็นผลจากการเพิ่มปริมาณยางธรรมชาติและการใช้คาร์บอนแบล็กซึ่งได้จากการรีไซเคิลยางที่สิ้นอายุใช้งานแล้ว วัสดุยั่งยืนประเภทอื่นซึ่งมาจากแหล่งชีวภาพหรือได้จากการรีไซเคิลที่นำมาใช้ในการผลิตยางรถยนต์ ได้แก่ วัสดุที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เปลือกส้ม, เปลือกมะนาว, น้ำมันดอกทานตะวัน, เรซินสน (Pine Resin) และเหล็กกล้าที่ได้จากการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียม
กีฬามอเตอร์สปอร์ตซึ่งเป็นเสมือนห้องทดลองทางเทคโนโลยีในโลกแห่งความจริง ช่วยให้มิชลินสามารถพัฒนาและทดสอบโซลูชั่นไฮเทคใหม่ ๆ ในสภาพแวดล้อมการใช้งานสุดหฤโหด ภายใต้ความร่วมมือทางนวัตกรรมครั้งนี้ มิชลินได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำวัสดุที่ยั่งยืนมาใช้ผลิตยางล้อในสัดส่วนที่สูงขึ้นโดยยังคงให้สมรรถนะที่ดีดังเดิม
ในการประชุมสุดยอดฯ ปีนี้ มิชลินได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะใช้วัสดุที่ยั่งยืน 100% ในการผลิตยางล้อทุกประเภทให้ได้ภายในปี 2593 โดยเป้าหมายระยะแรกของกลุ่มมิชลินคือการใช้วัสดุที่ยั่งยืนในการผลิตยางล้อให้ได้ถึง 40% ภายในปี 2573 นอกจากจะใช้วัสดุที่ยั่งยืนในการผลิตยางล้อแล้ว มิชลินยังนำกระบวนการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Design Processes) มาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ยางล้อในทุกช่วงวงจรชีวิต ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและการผลิต ไปจนถึงการใช้งานบนถนนและการรีไซเคิล
ฟลอรองต์ เมอเนโกซ์ (Florent Menegaux) ประธานกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า “ค่านิยมหลักของมิชลินสอดคล้องกับของงาน ‘มูฟวิ่ง ออน’ และพันธมิตรผู้สนับสนุนการจัดงานฯ กล่าวคือ เรามีความเชื่อว่าการสัญจร หรือในความหมายกว้าง ๆ ก็คือ ‘การเคลื่อนที่’ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นต้นกำเนิดของความก้าวหน้า นวัตกรรมโซลูชั่นทั้ง 2 รูปแบบที่เรานำเสนอในการประชุมสุดยอดระดับโลกด้านการสัญจรอย่างยั่งยืนปีนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ที่จับต้องได้และใช้งานได้จริง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของมิชลินที่จะทำให้การสัญจรมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”