กลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ของไทย ประเมินการแข่งขันของธุรกิจการขนส่งที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตัดราคาระหว่างผู้ให้บริการขนส่งไม่ต่ำกว่า 30% ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรถให้บริการระหว่าง 1 – 3 คัน ต้องเลิกกิจการไป
นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทพรวิษณุ โลจิสติกส์ เปิดเผยว่า“ทุกวันนี้ ทุกรายแย่งกันหางาน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวมานาน ราคาจึงเป็นตัววัดว่าจะได้งานหรือไม่ กลุ่มเราเองก็จำเป็นต้องทำราคาแข่งกับคู่แข่งด้วย เพียงแต่เรามีจุดแข็งที่เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแรง และแนวทางการลงทุนด้านรถบรรทุกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด” นายบัญชา กล่าว
“ปีที่ผ่านมา เราเริ่มปรับแนวลงทุนโดยเราสั่งซื้อรถหัวลากยูดี ทรัคส์ จำนวน 21 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่ปลดระวางและขยายกองรถ เราพบว่าในบรรดารถบรรทุกญี่ปุ่น ยูดี ทรัคส์ เป็นรถที่มีนวัตกรรมผสมระหว่างเทคโนโลยีญี่ปุ่นและยุโรป อีกทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นที่พอใจ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวรถ ที่ทำให้คนขับรถบรรทุกต้องการมาร่วมงานกับเราเพราะรถยูดี เควสเตอร์ ที่มีเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot ทำให้ขับสบาย และปลอดภัยเมื่อต้องเดินทางไกลหรือขับขึ้นเขา นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ที่เผาผลาญสมบูรณ์ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 อีกด้วย” นายบัญชา กล่าว และเสริมอีกว่าปัจจุบันทางบริษัทได้หันมาใช้น้ำมันดีเซล B20 เกือบ 100% ทั้งกองรถ เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนหลักทางธุรกิจ และยังช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายบัญชา กล่าวว่าปีที่ผ่านมารายได้ธุรกิจของกลุ่มบริษัท พรวิษณุ โลจิสติกส์ มีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 โดยธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนประมาณ 70% ของธุรกิจทั้งหมด