เพิ่งเปิดตัวกันสดๆร้อนๆสำหรับนิสสัน นาวาราใหม่ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Unbreakable Design” สื่อถึงอารมณ์และการใช้งานจริงได้หน้าตาที่ดูบึกบึนมากขึ้น มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Interlock ที่มีขนาดใหญ่เพื่อเสริมความดุดัน ชุดไฟหน้าคุณภาพสูงแบบ Quad-eye LED 4 ดวง พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light
ซุ้มล้อได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ดูโดดเด่นเข้ากับรูปลักษณ์แบบรถยนต์ออฟโรดที่ต้องลุยกันบ้างในบางครั้ง ช่วยป้องกันพวกโคลนเลนไม่ให้กระเด็นเปรอะรถ อีกทั้งยังรองรับกับยางที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตได้ด้วย
ไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียวช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน สะท้อน Design DNA ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบสำหรับรถกระบะยุคใหม่ของนิสสัน
ภายในถูกออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์เน้นความสะดวกสบายอย่างมีสไตล์ ภายในห้องโดยสารเงียบด้วย Noise-reducing acoustic glass ที่ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ใช้กระจกตอนหลังกรองแสงสีชา มีพอร์ต USB Type C ตรงบริเวณคอนโซลกลาง สำหรับชาร์จอุปกรณ์สำคัญให้ใช้งานได้ต่อเนื่องและรองรับอุปกรณ์ได้หลายเครื่อง
ในรถรุ่นนี้จะได้มาตรวัดที่มีหน้าจอสีแสดงผลแบบ TFT สามมิติ ขนาด 7 นิ้วโดยสามารถแสดงข้อมูลได้อย่าง ระบบเตือนนำทางแบบ Turn-by-Turn Direction, ระบบช่วยขับขี่ต่าง ๆ, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าจากการขับขี่ (Intelligent Driver Alertness)
ที่ขาดไม่ได้ก็จะเป็นจอเครื่องเสียงแบบหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมSeamless Connectivityซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก NissanConnect สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่น อาทิ พร้อมระบบนำทาง (Navigation system) หรือจะใช้แอปพลิเคชันฟังเพลงต่าง ๆก็ได้
เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งภายในด้วยหนังแท้รอบห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ปรับตำแหน่งได้อิสระ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ทางไกลเบาะนั่งปรับไฟฟ้าสำหรับคนขับ
ส่วนที่นั่งด้านหลังเพิ่มความสบายด้วยดีไซน์ใหม่ให้ความนุ่มสบายมากขึ้นโดยมีพนักพิงที่เอนไปด้านหลังมากขึ้น มีที่พักแขนและที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ตอบโจทย์ด้านอรรถประโยชน์ของการใช้งานให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี
โดยในส่วนของพื้นที่กระบะตอนท้าย ได้เพิ่มสเต็ปด้านท้ายรถ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลง ลดความเมื่อยล้าที่เกิดจากการขนถ่ายขึ้นลงซ้ำ ๆ และปรับจุดตะขอยึดใหม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง เพื่อตอบโจทย์การบรรทุกสัมภาระทั้งขนาดใหญ่และเล็ก
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครง ขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช๊คอัพ โดยทั้งหมดถูกปรับจูนใหม่ เพื่อสมรรถนะและการทรงตัวรถขณะขับเข้าโค้งที่ดีเยี่ยม เสริมความมั่นใจได้ทุกเส้นทาง โดยได้ความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้นด้วย
ขุมพลังใหม่ที่วางอยู่ในรถรุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์รุ่น YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC ทวินเทอร์โบ ให้พลังแรงสูงสุด 190 แรงม้าที่3,750รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่1,500-2,500รอบ/นาที เป็นเครื่องยนต์ที่มีความแรงเต็มประสิทธิภาพ แต่ได้ความประหยัดมากขึ้น
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวลทำให้เรียกพละกำลังและสมรรถนะในการขับขี่ออกมาได้ตามต้องการ โดยเครื่องยนต์สามารถรองรับน้ำมันดีเซลทุกประเภทได้ทั้ง B7, B10 และ B20
เมื่อต้องลุยก็ต้องมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาใช้งานที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H) เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ขณะที่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4LO สำหรับการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดาร อาทิ ทราย โคลน ลุยน้ำ ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน
สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อการขับขี่ที่ ‘ลุยได้ทุกที่’ นาวารา ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อม ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) โดยระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H ขณะที่ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential ช่วยเสริมกำลังฉุดเมื่อขับขี่ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L
หากเดินทางคนเดียวแล้วต้องลุยก็สามารถใช้เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)มาใช้ได้ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ ซึ่งช่วยให้การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้นซึ่งในรถรุ่นนี้มีการเพิ่มระบบ Off-Road Meter เพื่อมุมมองขณะขับขี่ไปข้างหน้าในโหมด 4L ทำให้เห็นภาพในมุมอับสายตาได้ นอกจากนี้จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลาง ซึ่ง เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและให้ความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น